OR โชว์ดีลร่วมพันธมิตรกว่า 10 ราย ปีนี้ธุรกิจน้ำมันกำไรโต

HoonSmart.com>> “ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก” เนื้อหอม ธุรกิจหนีห้าง ค่าเช่าแพง เปิดๆปิด ๆ บริการ  มาลงทุนสถานีบริการน้ำมัน  เผยกำลังเจรจาร่วมทุนพันธมิตรมากกว่า 10 ดีล  มองหาโอกาสโตจากธุรกิจปัจจุบัน ต่อยอดธุรกิจดิจิทัล วางงบปี 64-68 ที่ 7.46 หมื่นล้านบาท เพิ่มธุรกิจ Non-oil แตะ 35% ของ EBITDA  ยันกระแสเงินสดดีนำมาจ่ายปันผล ส่วนธุรกิจปี 64 คาดปริมาณขายเฉลี่ย  800 ล้านลิตรต่อเดือน-ราคาน้ำมันดิบ 60 กว่าเหรียญสหรัฐ-ค่าการตลาดเพิ่ม 1-1.2 บาทต่อลิตร  

น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีกลยุทธ์สร้างการเติบโตในธุรกิจอื่นๆ หรือการต่อยอดจากสิ่งที่มี ได้แก่ ปั้มน้ำมัน , ร้านคาเฟ่อเมซอน และ PTT Blue Card โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในทั้งประเทศและต่างประเทศ ในธุรกิจอาหารและเครื่อง (Food and Beverage) หรือไม่ใช่อาหารและเครื่อง (Non-Food and Beverage) และธุรกิจดิจิทัล ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งในช่วงโควิด-19 มีหลายบริษัทเข้ามาเสนอความร่วมมืออยู่ค่อนข้างมาก สอดคล้องกับแผนที่จะซื้อกิจการ และการจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน หรือเป็นการ่วมมือกันทำธุรกิจที่เข้ามาส่งเสริมกันและกัน ในปัจจุบันมีเจรจาพูดคุยอยู่มากกว่า 10 ราย และยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนต่อเนื่อง

6 เดือน นอนออยล์ ลดลง สัดส่วน แต่กำไรมาจากออยล์ ค่อนข้างดี
มาร์จิ้นของออยล์ นิ่ง อิทดา 23-25%

ขณะที่ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าจะผลประกอบการจะใกล้เคียงช่วงครึ่งหรือลดลงเล็กน้อย โดยช่วงครึ่งแรกมีรายได้ขายและบริการอยู่ที่ 237,168 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 3/2564 มีผลกระทบจากการล็อกดาวน์บางพื้นที่อยู่บ้างเล็กน้อย แต่คงกระทบไม่มากเหมือนช่วงที่ล็อกดาวน์ทั้งประเทศในปีก่อน โดยบริษัทคาดว่าในไตรมาส 4/2564 การควบคุมโควิด-19 จะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ตามการกระขายวัคซีน และการนำเข้าวัคซีนทางเลือก โดยคาดว่าปริมาณขายน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 800 ล้านลิตรต่อเดือน คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบปี 2564 ที่ทรงตัวสูงอยู่ใกล้เคียงปัจจุบันที่ 60 กว่าเหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์น้ำมัน หรือค่าการตลาด เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1-1.2 บาทต่อลิตร

ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 7,228 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,810 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมาจากทั้งรายได้ขายและ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น โดยมีรายได้ขายและบริการสำหรับครึ่งปีแรก 237,168 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยปัจจัยหลักมาจากกล่มธุรกิจน้ำมัน ที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นจากเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ทำให้ราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น สำหรับ EBITDA ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 จำนวน 11,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,126 ล้านบาท หรือ 76% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

“ภาพรวมในปี 2564 นี้ ก็ต้องรอดูว่าผลจะเป็นอย่างไร คาดว่าปริมาณขายอาจจะต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย แต่ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ปริมาณขายน้ำมันไม่ได้ลดลมากนัก ลดลงเพียง 5% จากปริมาณขายน้ำมันอากาศยานได้รับผลกระทบจากการห้ามเดินทาง แต่ในด้านราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่าจุดสูงสุดของผู้ติดเชื้อจะอยู่ที่ ปลายเดือน ส.ค.-ต้นเดือน ก.ย.นี้ และหลังจากนั้นทิศทางคาดว่าจะกลับมาดูดีขึ้น” น.ส.จิราพร กล่าว

ส่วนแผนการขยายธุรกิจในปี 2564 นี้ ธุรกิจสถานีบริการน้ำมันในประเทศ คาดว่าได้ 95 แห่ง ลดลงจากแผนเดิมที่คาดว่าจะขยาย 110 แห่ง โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีสถานีบริการน้ำมันจํานวน 2,367 แห่ง และแผนขยายร้านคาเฟ่อเมซอน ปีนี้ 420 แห่ง จาก ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีจํานวน 3,729 สาขา ขยายร้านเท็กซัสชิคเก้น อีก 20 แห่ง ปัจจุบันจำวนน 81 สาขา รวมถึงมีแผนขยายสถานีชาร์ตไฟฟ้า (EV Charging Station) ให้ครบ 100 แห่งในปีนี้ และคาดว่าจะถึง 300 แห่ง ในปี 2565 นอกจากนี้ ขยายสาขา FIT Auto ขยายตามแผน 10 แห่ง ส่วนต่างประเทศ ยังเดินหน้าขยายสถานีบริการจำนวน 45 สถานีบริหาร และยังเดินขยายร้านคาเฟ่อเมซอน 51 แห่ง และมองโอกาสร่วมทุนกับพันธมิตรต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนที่จะลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มสัดส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) โดย 5 ปี (2564-2568) ตั้งเงินลงทุนไว้ที่ 74,600 ล้านบาท แบ่งออกสัดส่วนการลงทุนรวมเป็น 34.6% ใช้ในธุรกิจน้ำมัน (Oil) , 28.6% ใช้ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) , 21.8% ใช้ในธุรกิจต่างประเทศ (International) และอีก 15% จะใช้เพื่อรองรับการลงทุนในซื้อกิจการ การตั้งบริษัทร่วมทุนต่างๆ โดยมีเป้าหมายหลังจากที่ใช้เงินลงทุนครบหมดแล้ว สัดส่วนธุรกิจ Non-oil จะเพิ่มขึ้นเป็น 35% ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) รวม จากปัจจุบันที่ 25% ซึ่งในภาพรวมทุกธุรกิจมีการเติบโตทั้งหมด แต่ขนาดของบริษัทใหญ่ขึ้น

ทั้งนี้ฐานะทางการเงินของบริษัทฯยังมีความแข็งแกร่งอยู่ค่อนข้างมาก โดยมีกระแสเงินสดในมือกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งมีเงินจากการระดมทุนด้วย เพียงพอต่อการลงทุนในอนาคต มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิ (Net D/E) ในระดับที่ต่ำ ทำให้ยังสามารถหาแหล่งเงินทุนเพื่อขยายการลงทุนได้อีกมาก นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการทำ Credit Rating เพื่อเตรียมการออกหุ้นกู้ โดยในช่วงปี 2565 อาจจะมีแผนออกหุ้นกู้เพิ่ม

นอกจากนี้บริษัทศึกษาแผนที่จะทำพื้นที่สำหรับการค้า ที่ไม่ใช่พื้นที่สำหรับธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งมีพันธมิตรเข้ามายื่นพื้นที่ให้กับบริษัทฯค่อข้างมาก โดยบริษัทอยู่ระหว่างทำต้นแบบของรูปแบบพื้นที่ดังกล่าว คาดว่าการทำพื้นที่การค้าจะเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก ซึ่งจะได้ผลตอบแทนต่อตารางเมตรที่ดีกว่าพื้นที่ธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน เนื่องจากการประกอบธุรกิจสถานีน้ำมันต้องใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก อีกทั้งอาจจะเสริมสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบริเวณพื้นที่ด้วย