NER ครึ่งปีหลังสดใส จ่อเซ็นสัญญาลูกค้าใหม่ 2 ราย

HoonSmart.com>> “นอร์ทอีส รับเบอร์”มั่นใจผลงานครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง ราคายาง 70 บาทต่อกิโลกรัม เจรจาลูกค้าอินเดียเพิ่มอีก 2 ราย โรงไฟฟ้าชุมชนรอข่าวดี ย้ำเป้าปี 64 รายได้แตะ 2.45 หมื่นล้านบาท ขาย 4.4 แสนตัน คาดใช้กำลังการผลิต 93% ส่วนปี 65 กำลังการผลิตใหม่อีก 5 หมื่นตัน รวม 5.1 แสนตันต่อปี คาดยอดขายยางแตะ 2.87 หมื่นล้านบาท ด้านธุรกิจแผ่นปูนอนสัตว์เริ่มสร้างยอดขายม.ค. ปีแรกมั่นใจทำได้ 500 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 67 สัดส่วนธุรกิจใหม่ 20% ของรายได้รวม

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่ามียอดขายที่ดีขึ้นต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งประเมินว่าจะใช้กำลังการผลิตทั้งปีประมาณ 93% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมดที่ 460,000 ตันต่อปี โดยบริษัทมีการเจรจากับลูกค้าประเทศอินเดียเพิ่มอีก 2 ราย

ขณะเดียวกันอีกหนึ่งปัจจัยบวกยังมีราคายางที่อยู่ในช่วงขาขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 70 บาทต่อกิโลกรัม รวมถึงปริมาณผลผลิตยางในปี 2564 จะมีออกมามากกว่าปีก่อน เนื่องจากปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทยังคงเป้าหมายปีนี้ โดยมีรายได้อยู่ที่ 24,500 ล้านบาท และมีปริมาณขายที่ 440,000 ตัน

ขณะที่ธุรกิจแผ่นปูนอนปศุสัตว์ คาดว่าในเดือน ธ.ค.นี้จะสามารถสรุปแผนรวมการทำธุรกิจได้แล้วเสร็จ และจะเริ่มจำหน่ายในเดือน ม.ค.2565 โดยประเมินตลาดที่จะไปประมาณ 12 ประเทศทั่วโลก โดยแบรนด์สินค้าจะแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ สินค้าที่เหมาะเกษตรกรรายย่อย และเกษตรที่ต้องการใช้แผ่นที่มีมาตรฐานสากล ธุรกิจนี้มีอัตรากำไรอยู่ที่ 15-25%

แนวโน้มในปี 2565 บริษัทจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาอีก 50,000 ตัน ทำให้กำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 510,000 ตันต่อปี คาดว่าจะมียอดขายจากธุรกิจยางธรรมชาติอยู่ที่ 28,780 ล้านบาท และมียอดขายจากธุรกิจแผ่นปูนอนปศุสัตว์ที่ 500 ล้านบาท ปริมาณขาย 250,000 แผ่น ส่วนปี 2566 มียอดขายจากธุรกิจยางธรรมชาติอยู่ที่ 31,000 ล้านบาท และมียอดขายจากธุรกิจแผ่นปูนอนปศุสัตว์ที่ 950 ล้านบาท ปริมาณขาย 450,000 แผ่น

“เรามีเป้าหมายที่จะเติบโตขึ้นทุกๆปี การเพิ่มกำลังการผลิตของเราก็จะพิจารณาจากยอดขายและบุคลากรให้เหมาะสม ถ้ามีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น เราก็ยังมีออเดอร์มารองรับ ทั้งจากลูกค้ารายใหญ่ และจากลูกค้าสัญญาระยะยาว ส่วนเรื่องสภาพคล่องในอนาคตนั้น เรายังมีแหล่งเงินทุนอยู่ จากกำไรสะสมทุกๆปี , การออกหุ้นกู้ และการกู้ยืมธนาคาร โดยในปีนี้เราเชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะดีขึ้น จากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างดี โดยปัจจุบัน GPM อยู่ที่ 12% กว่า ส่วนในอนาคตตั้งเป้าจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ (แผ่นปูนอนสัตว์ , โรงไฟฟ้า และสินค้าอื่นๆ ) ที่ 20% ของรายได้รวม ” นายชูวิทย์ กล่าว

สำหรับการยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน ในช่วงก่อนเกิดข้อผิดพลาดที่ไม่ได้ยื่นหนังสือรับรองจากธนาคาร  บริษัทฯได้ยื่นอุทธรณ์และแสดงหลักฐานอย่างครบถ้วนเรียบร้อย คาดว่าวันที่ 25 ส.ค.นี้ จะได้รับข่าวดี ซึ่งโรงไฟฟ้าชุมชุนดังกล่าวสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้านการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด ( PP) ที่จะเสนอขายให้กับพันธมิตรทางธุรกิจ ปัจจุบันยังไม่ได้รับการติดอย่างชัดเจน  ซึ่งมั่นใจว่าผู้ที่จะเข้ามาถือหุ้นต้องสร้างการเติบโตร่วมกัน