TKN ลั่นกำไรปีนี้โต ยอดขายต่างประเทศฟื้น

HoonSmart.com>> “เถ้าแก่น้อยฯ” รับผลกระทบโควิด-19  รายได้ปี 64 รูดลงเล็กน้อย ยันกำไรยังต้องโต เน้นคุมต้นทุน แนวโน้มครึ่งปีหลัง ยอดขายต่างประเทศโตดีขึ้น ตลาดจีนกระโดดเท่าตัว  ในประเทศกลับมาฟื้นตัว หลังโควิดคลี่คลายในไตรมาส 4 ด้านผลงาน 6 เดือนแรก กำไรวูบ 55%  บอร์ดไฟเขียวแจกปันผลระหว่างกาล 0.05 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 27 ส.ค.นี้ 

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) เปิดเผยว่า รายได้ปี 2564  คงจะไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ที่ 4,100-4,300 ล้านบาท เนื่องจาก 6 เดือนแรกทำได้เพียง 1,703 ล้านบาท มาจากยอดขายต่างประเทศชะลอตัวไปบางส่วน แต่บริษัทคาดว่าจะรักษากำไรสุทธิให้มีการเติบโต โดยการควบคุมต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อเป็นฐานการเติบโตในปี 2565 โดยตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 15-20%

สำหรับทิศทางธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทฯได้เพิ่มน้ำหนักการทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในประเทศจีน มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 21% ของยอดขายรวม ซึ่งได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายเพิ่มอีก 1 ราย เพื่อกระจายสินค้าเข้าสู่ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) และช่องทาง E-Commerce จากเดิมที่มีตัวแทนจำหน่ายได้แก่ Pan Orion Corp รับผิดชอบการจัดจำหน่ายสินค้าเข้าสู่ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade)  ทำให้บริษัทฯมั่นใจว่าการผสานกำลังร่วมกันระหว่าง 2 ตัวแทนครั้งนี้ จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดส่งออก  โดยมีแผนจะเพิ่มสินค้าใหม่อีก 10 ผลิตภัณฑ์ จากเดิมมี 6 ผลิตภัณฑ์

“ปัญหาในไตรมาส 3 ที่เราเจอในประเทศจีนค่อนข้างท้าทายมาก ทั้งการเปลี่ยนแปลงสัญญา เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น ทำให้มีช่วงรอยต่อ 60 วัน ก่อนที่จะเริ่ม On Board กับเจ้าที่สองได้ และปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาด อีกทั้งยังมีกำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอ เนื่องจากคนงานขาดแคลน คาดว่าผลิตได้น้อยกว่า 70% ของออเดอร์ในจีน แต่ก็เชื่อว่าถ้าโควิด-19 คลี่คลายในไตรมาส 4 จะกลับมาผลิตได้มากกว่า 80% ของออเดอร์ ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายช่วงครึ่งปีหลังในจีนเติบโตเท่าตัวจากยอดขายครึ่งแรกที่มียอดขายอยู่ที่ 357 ล้านบาท”นายอิทธิพัทธ์กล่าว

ขณะเดียวกันตลาดในสหรัฐอเมริกา ที่มีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเริ่มเปิดประเทศในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ ได้เดินสายออกบูธงานแสดงสินค้า ตามสถานที่ต่างๆ คาดว่าจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนได้ในไตรมาส 3 เป็นต้นไป แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากค่าระวางขนส่งสินค้าทางเรือรวมถึงราคาค่าตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังสูงที่บริษัทฯยังต้องบริหารจัดการให้เอื้อประโยชน์และสนับสนุนแผนการเติบโตด้านผลการดำเนินงานให้ดีที่สุด นอกจากนี้ถ้ามีการอนุมัติกฏเกณฑ์ของผลิตภัณฑ์กัญชง บริษัทคาดว่าจะทำการตลาดที่สหรัฐฯก่อน เนื่องจากมีขนาดตลาดที่ใหญ่

ขณะที่ตลาดในประเทศ ยังเผชิญความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยภาครัฐประกาศล็อกดาวน์ในช่วงไตรมาส 3 ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักและกำลังซื้อชะลอตัว ดังนั้นบริษัทฯต้องบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ ให้รัดกุมในทุกด้าน รวมถึงติดตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญต่อแผนงาน เบื้องต้นประเมินว่าการแพร่ระบาดจะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้นในไตรมาส 4 โดยบริษัทฯ มีแผนนำเสนอสินค้าใหม่อีก 1 ผลิตภัณฑ์ ในช่วงเดือน ต.ค.นี้ พร้อมทำแคมเปญส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างโมเมนตัมให้กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ขณะที่กลุ่มธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนหรือ Quick Service Restaurant (QSR) ของบริษัทในเครือ จะมุ่งขยายช่องทางจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่มากขึ้น

นอกจากนี้แผนการย้ายโรงงานมารวมกันแห่งเดียว เพื่อการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ยังต้องชะลอไปก่อน เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 โดยคาดว่าจะรวมแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2564 หรือปีใน 2565 จากแผนเดิมที่คาดว่าจะรวมโรงงานเสร็จในช่วงกลางปี 2564

ด้านภาพรวมการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2564   บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,703 ล้านบาท ลดลง 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 78.4 ล้านบาท ลดลง 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯยังคงตอบแทนผู้ให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 ส.ค.  และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 10 ก.ย.2564