BDMS กำไร 1,452 ลบ. Q2/64 โตกระฉูด 217%

HoonSmart.com>> “กรุงเทพดุสิตเวชการ” เปิดงบไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิ 1,452 ล้านบาท โตแรง 217% กวาดรายได้ 17,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% รายได้ค่ารักษายาพยาบาลโต 26% ตรวจหาเชื้อและรักษาผู้ป่วยโควิดพุ่ง งวดครึ่งปี 64 กำไร 2,791 ล้านบาท ลดลง 8% จากงวดปีก่อน

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 กำไรสุทธิ 1,452.17 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.09 บาท เติบโต 217% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 457.82 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.03 บาท

ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2564 กำไรสุทธิ 2,790.83 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.18 บาท ลดลง 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 3,025.87 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.19 บาท

บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานรวมในไตรมาส 2/2564 จำนวน 17,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,420 ล้านบาท หรือ 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่ารักษาพยาบาลจำนวน 3,363 ล้านบาท หรือ 26% จากรายได้การตรวจหาเชื้อและการรักษาพยาบาลผู้ป่วย COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นจากการแพร่ระบาดระลอก 3 ของ COVID-19 ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ปาวยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นอกจากนี้การเติบโตที่ดีจากลูกค้ากลุ่มประกันสุขภาพและกลุ่มบริษัทในประเทศ หากไม่รวมรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 รายได้ค่ารักษาพยาบาลจะเติบโตประมาณ 12% จากไตรมาส 2/2563

รายได้ค่ารักษาพยาบาลของผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติเติบโตดีขึ้นมากเมื่อเทียบไตรมาส 2/2563 โดยเติบโต 27% และ 24% ตามลำดับ สำหรับการเติบโตของรายได้ของผู้ป่วยชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากผู้ป่วยชาวญี่ปุ่น 37% ผู้ป่วยในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว พม่าและเวียดนาม) 26% และผู้ปาวยชาวอังกฤษ 29% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย

ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยชาวไทยต่อผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ 82% ต่อ 18% ในไตรมาส 2/2564 ไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาส 2/2563 นอกจากนี้รายได้ค่ารักษาพยาบาลมีการเติบที่ดีทั้งจากโรงพยาบาลในเครือข่ายในกรุงเทพและปริมณฑลและโรงพยาบาลเครือข่ายนอกกรุงเทพและปริมณฑล โดยเติบโต 27% และ 20% ตามลำดับ จากไตามาส 2/2563 การเพิ่มขึ้นของจำรวนผู้ป่วยส่งผลให้อัตราการครองเตียงเพิ่มขึ้นจาก 39% ในไตรมาส 2/2563 เป็น 60% ในไตรมาส 2/2564

ส่วนกำไรจากการก่อนการดำเนินงานก่อนหักค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 3,681 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไร EBITDA เพิ่มขึ้นจาก 18.5% ในไตรมาส 2/2563 เป็น 21.2% ในไตรมาส 2/2564

ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าเสื่อมราคาจำนวน 15,301 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,317 ล้านบาท หรือ 18% จากไตรมาส 2/2563 ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วย ทั้งนี้บริษัทและบริษัทย่อยยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ดี โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายทางการตลาดและค่าใช้จ่ายเกี่ยวข้องการอบรม