ADVANC เล็งตั้งกองทุน IFF ‘อินทัช’ รับครึ่งหลังปี 64 ร่วง

HoonSmart.com>> “แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส” ศึกษาผลดีผลเสียนำทรัพย์สินโทรคมนาคมขายเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หวังเพิ่มประโยชน์สูงสุด  “อินทัช โฮลดิ้งส์” คาดผลประกอบการในครึ่งปีหลังหดตัวเล็กน้อย ตามส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ลดลง หลังโควิดลากยาว  ด้าน “ไทยคม” จ่อยื่นประมูลดาวเทียมเพิ่ม โชว์เงินสดแกร่ง 7.26 พันล้านบาท ขอซื้อ Bandwidth หรือการบริหารจัดการทรัพย์สิน ดาวเทียมไทยคม 4 และ6 ต่อจาก NT

น.ส.นัฐิยา พัวพงศกร หัวหน้าฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ และกำกับดูแลการปฏิบัติงาน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC)  เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาข้อดีข้อเสียของการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) จากการที่บริษัทมีสินทรัพย์โทรคมนาคมหลากหลาย  อาทิ สายไฟเบอร์ ซึ่งบริษัทน่าจะมีมากที่สุด และการเป็นเจ้าของเสาโทรคมนาคมมากกว่า 2.2 หมื่นเสา โดยบริษัทจะพิจารณาถึงการทำธุรกิจในระยะยาว ในการใช้ร่วมกันระหว่างโอเปอเรเตอร์  และการก้าวไปสู่ 5G อาจจะต้องขยายโครงข่ายเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ต้องศึกษาว่าเงินที่ได้มาจะเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทได้อย่างไร

ส่วนการดำเนินงานในปี 2564  คาดว่ามีแนวโน้มจะลดลงเล็กน้อยหรือทรงตัว จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 173,720.31 ล้านบาท เนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 อาจจะนานขึ้น จากที่ประเมินไว้เมื่อช่วงต้นปีรายได้จะเติบโตขึ้นเล็กน้อยในตัวเลขหลักเดียว ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินการงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จะลดลงตามรายได้ แต่บริษัทฯจะพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และควบคุมต้นทุน เพื่อรักษา EBITDA ให้ทรงตัวใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า

น.ส.นัฐิยากล่าวว่า เงินลงทุนในปี 2564 ตั้งไว้ที่ 25,000-30,000 ล้านบาท เน้นการลงทุนใน 5G เป็นหลัก หรือลงทุนในพื้นที่ที่มีความต้องการ 4G และ 5G ในระดับที่สูง โดยตั้งเป้าว่าจะมีผู้ใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 2 ล้านราย จากสิ้นไตรมาส 2/2564 อยู่ที่ 1 ล้านราย และตั้งเป้าว่าปลายปีนี้จะมีการครอบคลุมของ 5G กับจำนวนประชากร อยู่ที่ระดับ 70% จากปัจจุบันที่ 25% คาดว่าราคาอุปกรณ์ที่รองรับ 5G จะถูกลง

สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้าน คาดว่ายังมีการเติบโตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง มีลูกค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส โดยตั้งเป้าจะขึ้นอันดับ 3 ในปี 2565 จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่อันดับที่ 4 หรือ 12% ของตลาดรวม ซึ่งบริษัทมีการเพิ่มการบริการควบคู่กับอินเทอร์เน็ตบ้าน อาทิ การเพิ่ม AIS Play หรือ Disney Hotstar อีกทั้งยังมีเป้าหมายที่จะให้บริการหลังขายตลอด 24 ชั่วโมงด้วย

ด้านนางทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานบริหารารลงทุน และการลงทุนสัมพันธ์ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 คาดว่าจะลดลงตามส่วนแบ่งกำไรของบริษัทย่อย ที่ส่วนใหญ่มาจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส  โดยการบันทึกงบการเงินรวมรายได้หลักมาจาก บริษัท ไทยคม (THCOM) ส่วนของ ADVANC จะรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน

INTUCH ยังคงเดินหน้าในการลงทุนจากกระแสเงินสดในปัจจุบันที่ระดับ 2,000 ล้านบาท  มุ่งเน้นการลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตในบริษัท ADVANC และบริษัทไทยคม(THCOM) หรือเป็นการลงทุนในธุรกิจอื่นๆเพื่อเข้ามาส่งเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจ ขณะเดียวกันโครงการ InVent ได้มีการอนุมัติการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพด้านสุขภาพและการศึกษาแล้วประมาณ 2-3 ราย แต่ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาเงินลงทุน

“กรณีบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี (GULF) เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ปัจจุบันยังไม่ได้มีการพูดคุยถึงแนวทางการทำธุรกิจ คาดว่าต้องใช้เวลาอีกสักระยะ อยากให้นักลงทุนรอติดตาม ถ้าการพูดคุย หรือได้ความคืบหน้า จะแจ้งให้ทราบต่อไป”นางทมยันตีกล่าว

นายปฐมภพ สุวรรณศิริ รักษาการรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการค้า บริษัท ไทยคม (THCOM) เปิดเผยว่า ความต้องการใช้ดาวเทียมยังมีอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้มีแผนที่จะเข้าประมูล Orbital Slot Auction จากทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) คาดว่าการประมูลจะจัดขึ้นในวันที่ 28 ส.ค.2564

ส่วนดาวเทียมไทยคม 4 และ 6 ที่จะสิ้นสุดอายุสัญญาสัมปทานในวันที่ 10 ก.ย.2564 นี้ โดยวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ได้เซ็นสัญญาเพื่อรับสิทธิในการบริหารจัดการดาวเทียมต่อ โดยบริษัทมีแผนที่จะเข้าซื้อ Bandwidth หรือการบริหารจัดการทรัพย์สิน ดาวเทียมไทยคม 4 และ 6 ต่อจาก NT  คาดว่าจะรู้ผลการเจรจาภายในไตรมาส 3/2564

“ภาพรวมธุรกิจต่อจากนี้เราจะมุ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดาวเทียมมากขึ้น โดยให้บริการภาครัฐและเอกชน ซึ่งมีมูลค่าสูง และต้องอาศัยความชำนาญในการบริหารโครงการ โดยเรามีความชำนาญในการบริหารงานดาวเทียมมาแล้ว 8 ดวง ขณะที่กระแสเงินสด ณ สิ้นไตรมาส 2 อยู่ที่ 7,265 ล้านบาท ยังถือว่ามีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง พร้อมลงทุนดาวเทียมดวงใหม่ ที่อยู่ระหว่างการประมูลด้วย” นาย ปฐมภพ กล่าว