SUN ส่งซิกครึ่งปีหลังสดใส ยอดขายโต-บาทอ่อน

HoonSmart.com>> “ซันสวีท” มองครึ่งหลังของปี 2564 ธุรกิจไปต่อ ส่งของได้ปกติ-ยอดขายโตต่อเนื่อง คาดปีนี้ผลิตได้ 1.8 แสนตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 2.18 แสนตัน รายได้โตไม่ต่ำกว่า 10-15% ค่าเงินบาทอ่อนหนุน ปัญหาตู้ขาดแคลนเริ่มคลี่คลาย ส่วนโรงงาน Mini Factory เริ่มเดินเครื่อง ดันยอดขาย 70,000-100,000 ชิ้นต่อวัน บอร์ดไฟเขียวปันผลกลางปี 0.10 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 20 ส.ค.นี้  

องอาจ กิตติคุณชัย

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันสวีท (SUN) เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 แต่ยังสามารถส่งสินค้าได้ตามกำหนด และความต้องการสินค้ายังมีเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถผลิตได้ 180,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมดที่ 218,000 ตันต่อปี ทำให้รายได้ในปี 2564 ยังสามารถรักษาการเติบโตได้ไม้น้อยกว่า 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2,617.77 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีผลบวกจากทิศทางเงินบาทที่อ่อนค่า ปัจจุบันที่ตลาดต่างประเทศสัดส่วน 80% อยู่ใน 47 ประเทศทั่วโลก โดยในช่วงไตรมาส 3 จะเป็นช่วงที่ได้ประโยชน์มากที่สุด เนื่องจากมีการขายสินค้าล่วงหน้า ด้วยค่าเงินที่ประเมินทั้งปีไว้ที่ 30 บาท ซึ่งปัจจุบันเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33 กว่าบาท ก็มีส่วนเกินเพิ่มขึ้น ได้รับผลประโยชน์จากการขายสินค้าส่งออกได้ในราคาที่สูงขึ้น ส่วนตลาดในประเทศมีแผนเพิ่มสินค้าพร้อมรับประทานใหม่ให้หลากหลาย ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

ด้านปัจจัยเสี่ยงในเรื่องการขนส่ง ถึงแม้จะมีปัญหาจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์บ้าง คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป ส่วนต้นทุนราคากระป๋องที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาเหล็กที่สูงขึ้น บริษัทยังมองว่าไม่ได้มีผลกระทบมาก

ขณะที่แผนการลงทุนในปี 2564 บริษัทได้เริ่มการผลิตสินค้าพร้อมรับประทาน (Ready to Eat) ในโครงการ Mini Factory ด้วยกำลังการผลิตที่ 100,000 ชิ้นต่อวัน  ช่วงครึ่งปีแรก มียอดขายที่ 50,000-70,000 ชิ้นต่อวัน คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถผลิตได้ถึง 70,000-100,000 ชิ้นต่อวัน รวมถึงบริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสินค้าที่หลากหลายเพิ่มขึ้น 2-3 อย่าง เพื่อให้สินค้าประเภทอาหารพร้อมทานมีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอยู่ที่ 10%

นอกจากนี้บริษัทได้มีการลงทุนในโครงการก๊าซชีวภาพ ประมาณ 70 ล้านบาท ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุนดีขึ้น รวมถึงจะช่วยสร้างการเติบโตของรายได้ในทางอ้อมด้วย คาดว่าตั้งแต่ปี 2565 จะมีรายได้เข้ามาเสริมปีละไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท ส่วนที่ดินที่เพิ่งซื้อมา 1,007 ไร่ ได้เริ่มปลูกข้าวโพดหวานไปแล้วกว่า 400-600 ไร่ และที่เหลือจะเริ่มปลูกพืชมูลค่าสูง หรือพืชที่บริษัทนำเข้ามาในช่วงปลายปีนี้  เพื่อช่วยลดต้นทุนการนำเข้า  และปี 2565 จะเริ่มมีรายได้เข้ามาบางส่วน

ส่วนผลงานไตรมาส 2/2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ  59.37 ล้านบาท และรายได้จากการขาย 743.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายภายในประเทศเพิ่ม โดยเฉพาะสินค้าพร้อมรับประทาน จากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ส่วนยอดขายในต่างประเทศ มีรายได้เพิ่มขึ้นจากสินค้า Can Frozen และ Pouch ในประเทศ จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย ด้านสถานการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ คลี่คลายขึ้น  สามารถส่งมอบสินค้าให้ถึงมือลูกค้าตามแผนที่วางไว้

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 89.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.10 บาท ให้ผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) วันที่ 23 ส.ค. และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 ส.ค.  กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 3 ก.ย. 2564