LEO จับมือ 4 แบงก์ ปล่อยกู้ผู้ส่งออก-นำเข้า

HoonSmart.com>> “ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์” จับมือแบงก์กรุงเทพ-กรุงไทย-กสิกรไทย-เอ็กซิมแบงก์ ออกมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูผู้ประกอบการไทย ฝ่าฟันโควิด เพิ่มศักยภาพ เสริมสภาพคล่อง แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย-รักษาการจ้างงาน หวังเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการส่งออก-นำเข้า คาดค่าขนส่งสูงจนถึงสิ้นปี 2564 ส่วนแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังสดใสกว่าครึ่งแรก  จากความต้องการสูงธุรกิจอีคอมเมิร์ซเข้าสู่ช่วงโปรโมชั่น


นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ในฐานะบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรรายแรก ที่พร้อมช่วยเหลือลูกค้าเสริมสภาพคล่องทางการเงินอย่างเต็มที่ เปิดเผยว่า ในช่วงที่สถานการณ์โควิดเกิดระลอกใหม่ที่ค่อนข้างรุนแรงและยาวนาน ส่งผลกระทบต่อลูกค้าของบริษัทในหลายภาคส่วน  ทั้งสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงค่าขนส่งสูงขึ้น ทั้งการขนส่งทางเรือและทางอากาศ ในบางเส้นทาง ค่าขนส่งเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 10 เท่าเมื่อเทียบกับค่าระวางก่อนเกิดโควิด-19 ทำให้ลูกค้าได้รับความเดือดร้อน บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับลูกค้า จึงได้เร่งระดมกำลังช่วยหาทางออกให้กับผู้ประกอบการ เสริมสภาพคล่องทางการเงิน รวมถึงแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและรักษาการจ้างงาน และทำให้กิจการสามารถเติบโตต่อไปได้

บริษัทได้จัดสัมมนา “LEO รวมพลัง รวมใจฟื้นฟูผู้ประกอบการไทย ฝ่าฟันโควิด” ได้เชิญผู้บริหารของธนาคารกรุงเทพ (BBL), ธนาคารกรุงไทย (KTB), ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) มาร่วมประสานพลัง ออกมาตรการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (สินเชื่อฟื้นฟู) เพื่อเพิ่มศักยภาพและเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้ผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของบริษัทฯ รวมถึงแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายและรักษาการจ้างงาน เพื่อให้กิจการสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน  ธนาคารแต่ละแห่งยังมีสินเชื่อเพิ่มเติมจากสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น

บริษัทฯได้ทำหน้าที่เป็นคนกลางประสานระหว่างลูกค้า  ซึ่งประกอบด้วยผู้ประกอบการขนาดเล็ก (SMEs) จนถึงผู้ประกอบการรายใหญ่ พร้อมประสานงานรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นของลูกค้า ที่ต้องการเข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟูให้กับแต่ละธนาคาร เพื่อรับทราบมาตรการ ข้อมูลและรายละเอียด ให้ได้รับการพิจารณาวงเงินได้อย่างรวดเร็ว และเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของแต่ละธนาคาร รวมถึงบริษัทฯ มีการพิจารณาเพิ่มวงเงิน Credit term และ Credit line ให้กับลูกค้าของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นผ่านการช่วยเหลือของธนาคารที่เป็นพันธมิตร โดยจะช่วยให้ลูกค้ามีเงินทุนเพื่อใช้รองรับในช่วงที่ค่าระวางอยู่ในระดับสูงได้

“ความร่วมมือในครั้งนี้ ได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งธนาคาร LEO และลูกค้าหรือผู้ประกอบการ มีเงินทุนเพื่อรองรับการขนส่ง หรือวงเงินที่ต้องใช้ในการขนส่ง  เพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับประเทศต่างๆได้ ลูกค้าเราก็สามารถมีงาน หรือการขนส่งในปริมาณที่เพิ่มขึ้นได้ เราก็เติบโตตามปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้นได้ หรือเราเติบโตไปด้วยกันในทุกๆฝ่าย โดยสะท้อนจากปริมาณการขนส่งของบริษัทในไตรมาส 1-2 ดีขึ้นต่อเนื่อง ” นายเกตติวิทย์ กล่าว

ส่วนแนวโน้มของอุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ยังเติบโตดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากความต้องการสินค้าทั่วโลกที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะประเทศที่มีการเปิดเมืองแล้ว รวมถึงการขนส่งเพื่อรอบรับช่วงเทศกาล หรือโปรโมชั่นของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ขณะที่การแพร่ระบาดในต่างประเทศ ไม่ได้ส่งผลต่อการส่งออกของบริษัท เนื่องจากในหลายประเทศ อาทิประเทศสหรัฐฯ ยุโรป และจีน มีการกระจายวัคซีนที่ดี และสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ  มองว่าอัตราค่าระวางเรือยังคงอยู่ในระดับสูงไปจนถึงสิ้นปี 2564 ส่วนการแพร่ระบาดในประเทศเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อ ปัจจุบันยังไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกและนำเข้า แต่ถ้าหากมีปริมาณการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น อาจจะมีมาตรการที่คุมเข้มออกมาจากทางภาครัฐ ซึ่งก็ต้องรอดูว่าธุรกิจส่งออกและนำเข้าจะได้รับผลกระทบหรือไม่

นอกจากนี้การใส่เงินเพิ่มทุนในบริษัทย่อยในเมียนมา ที่ประชุมผู้บริหารได้อนุมัติเงินเพิ่มทุนแล้ว แต่เนื่องด้วยการเกิดรัฐประหารในเมียนมา ทำให้การทำรายการโอนเงิน หรือเบิกถอน ทำได้ค่อนข้างลำบาก ซึ่งทางบริษัทฯเอง ได้เข้าดูแลแทนบริษัทย่อยที่เมียนมาไปก่อน จนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะแล้วเสร็จ