HoonSmart.com>> “เดลต้า อีเลคโทรนิคส์” เปิดงบไตรมาส 2/64 กำไรสุทธิ 1,655 ล้านบาท ลดลง 5.8% จากไตรมาสแรก ลดลง 17.9% จากงวดปีก่อน ค่าใช้จ่ายการขายและบริหารพุ่งเกือบ 48% ยอดขายสินค้าและบริการโต 41.2% กวาด 20,640 ล้านบาท ชี้ยอดขายโตโดดเด่นติดต่อกัน 6 ไตรมาส สินค้ากลุ่มโซลูชั่นยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ส่วนครึ่งปีกำไร 3,412 ล้านบาท โตกว่า 18% ผลงานใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 กำไรสุทธิ 1,655.38 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.33 บาท กำไรสุทธิลดลง 5.8% จากไตรมาสแรกปีนี้ที่มีกำไรสุทธิ 1,756 ล้านบาท และลดลง 17.9% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 2,021.51 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.62 บาท
ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2564 กำไรสุทธิ 3,412.16 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.74 บาท เพิ่มขึ้น 18.56% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 2,878 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.31 บาท
ในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มียอดขายสินค้าและบริการ 20,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.2% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการของลูกค้าในกลุ่มโซลูชั่นสำหรับยานยนตไฟฟ้า (Electric Vehicle Solutions) ที่เพิ่มขึ้นสูง ซึ่งสะท้อนการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ของตลาดผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สำคัญ เช่น จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมถึงแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องในตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ Cloud Storage และ Data Center
กำไรขั้นต้นมีจำนวน 4,459 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.1% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่เติบโตอย่างโดดเด่นเป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกันจากกลุ่มธุรกิจที่กล่าวข้างต้น
ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (รวมการวิจัยและพัฒนา) มีจำนวน 2,731 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และ 14.6% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมถึงการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมด้านวิจัยและพัฒนาในยุโรป
กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 จำนวน 1,329 ล้านบาท ลดลง 25.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาสนี้มีจำนวน 1,655 ล้านบาท ลดลง 17.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
บริษัทประกาศผลกำไรสุทธิไตรมาส 2/2564 ออกมา ถือว่าใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ 4 ราย คาดการณ์ โดยบล.หยวนต้า(ประเทศไทย) คาดกำไรปกติอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.2% จากไตรมาสแรก และลดลง 14.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อนจากฐานอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง โดยรายได้สกุลดอลลาร์สหรัฐทำระดับสูงสุดต่อเนื่องที่ 656 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาส 1/2564 และเติบโตถึง 45.8% จากช่วงไตรมาส 2/2563 หากกำไรออกมาตามคาดครึ่งปีจะคิดเป็น 35% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีที่ 9.2 พันล้านบาทเติบโต 35%
ส่วนการขยายโรงงานมีกำลังการผลิตสินค้าในกลุ่ม EV Car ที่ราว 500 ล้านเหรียญต่อปี ไม่เพียงพอรองรับแผนงานในระยะยาวที่ตั้งเป้ายอดขายส่วนนี้ที่ระดับ 1.5 พันล้านเหรียญในปี 2567 บริษัทอยู่ระหว่างการซื้อโรงงานเพิ่มเติมในนิคมอุตสาหกรรมบางปู พื้นที่ 19 ไร่ ภายใต้งบลงทุนทั้งหมดไม่เกิน 40 ล้านเหรียญ บริษัทคาดโรง งานใหม่จะเริ่มผลิตในช่วงกลางปี 2565
บล.หยวนต้าระบุว่า การควบคุมโควิด-19 ในประเทศทำได้ดี แต่ต้องระวัง เพราะพนักงานรวมกว่า 1.5 หมื่นราย ส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างการรอฉีดวัคซีนเป็นความเสี่ยงสำคัญ ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม ส่วนธุรกิจที่อินเดียเริ่มฟื้นตัว
“เราคงประมาณการกำไรสุทธิที่ 9,203 ล้านบาทในปีนี้ เติบโต 29.6%และปรับไปใช้ราคาเหมาะสมกลางปี 2565 ที่ 414 บาท อิง P/E 52.7 เท่า แนะนำ”ขาย” แม้ชอบธุรกิจหลักและให้น้ำหนักกับการขยายกำลังการผลิต EV Car มากกว่าผลประกอบการระยะสั้น แต่ราคาหุ้นที่ +- 584 บาท คิดเป็น P/E 79 เท่า บนประมาณการของบริษัทที่อาจมี Downside Risk”บล.หยวนต้าระบุ
บล.เอเซียพลัส ให้มูลค่าหุ้น DELTA ปีนี้ 170 บาท แม้ภาพรวมธุรกิจหลักจะเติบโตต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นปัจจุบันมีมูลค่าที่แพงและเกินมูลค่าพื้นฐานไปมาก จนล่าสุดมี P/E 87 เท่า
บล.คันทรี่กรุ๊ปคาด DELTA ไตรมาส 2/2564 มีกำไรสุทธิ 1.6 พันล้านบาท มาจากรายได้รวม 2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาส 1 รวม 6 เดือนปีนี้มีกำไรสุทธิ 3,357 ล้านบาท และทั้งปีมีกำไรทั้งสิ้น 7,394 ล้านบาท เติบโต 45.4%