ดัชนีดาวโจนส์รูดลงแรง ใกล้จะหลุดระดับ 25,000 จุด หลังจากประธานาธิบดีตรุกีมีคำสั่งขึ้นภาษีสินค้าของสหรัฐตอบโต้ทรัมป์ นักลงทุนหวั่นวิกฤตตุรกีลุกลามทั่วโลก ส่วนราคาน้ำมันร่วง 3% ต่ำกว่า 65 ดอลลาร์ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่ม สวนทางนักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 200 จุด โดยกลุ่มธนาคารเป็นตัวนำลงแรง ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการเงินในตุรกี
ณ เวลา 23.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,082.65 จุด ร่วงลง 217.27 จุด หรือ 0.86%
ส่วนดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด พุ่งขึ้นมากกว่า 10% สู่ระดับ 14.65
นอกจากนี้ รัฐบาลตุรกีประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สั่งการให้เพิ่มภาษีเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกีขึ้นอีกสองเท่า
นายเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ลงนามในคำสั่งให้ปรับขึ้นภาษีรถยนต์จากสหรัฐเป็น 120% ขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็น 140% และขึ้นภาษีบุหรี่เป็น 60% นอกจากนี้ ยังปรับขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องสำอาง ข้าว และถ่านหินจากสหรัฐด้วย
คำสั่งของประธานาธิบดีตุรกีมีขึ้นไม่นานหลังจากที่รัฐบาลตุรกีประกาศว่าจะคว่ำบาตรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึง ไอโฟน ของบริษัทแอปเปิล อิงค์
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทรุดตัวลงกว่า 3% หลุดระดับ 65 ดอลลาร์ในวันนี้
ณ เวลา 23.56 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 2.10 ดอลลาร์ หรือ 3.13% สู่ระดับ 64.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
หลังจากที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 6.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล และนักลงทุนยังจับตาผลกระทบจากการใช้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่าน