SNNP แจกกำไร 29% ลั่นปี 64โตชนะโควิด ปรับกลยุทธ์กระตุ้นยอดขาย

HoonSmart.com>> “ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง” เข้าเทรดวันแรกเปิดราคา 11.90 บาท สูงกว่า IPO ชนะตลาดร่วง คุยหุ้นยังเป็นที่ต้องการสูง จากยอดจองล้น 17 เท่า จุดเด่นบริษัทโตดี ยันรายได้ปีนี้มากกว่าปีก่อน ปรับกลยุทธ์ รุกตลาดออนไลน์-จัดแคมเปญ กระตุ้นยอดขาย มั่นใจไตรมาส 2 ผลงานตามแผน ส่วนเงินระดม 2.2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่คืนหนี้ หวังลด D/E เหลือ 0.5-1 เท่า และIBD/E เหลือใกล้ 0 เท่า ขยายโรงงานเวียดนาม  

น.ส.วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) เปิดเผยว่า หุ้น SNNP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 20 ก.ค.2564 เปิดที่ราคา 11.90 บาท เพิ่มขึ้น 2.70 บาท หรือ+29.35% จากราคาเสนอขายหุ้น IPO ที่ 9.20 บาท  สวนทางดัชนีที่ปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ เนื่องจากความต้องการหุ้น SNNP มีสูงมาก  นักลงทุนสถาบันและรายย่อยให้ความสนใจจองซื้อมากถึง 17 เท่าของจำนวนที่เสนอขาย 240 ล้านหุ้น

“หุ้น SNNP ยังมีความต้องการจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อยมาก เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในวันนี้ รวมถึงจุดเด่นของบริษัท ที่นักลงทุนมองว่ายังมีโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจขนมขบเคี้ยวอีกมากทั้งในประเทศไทยและประเทศใน CLMV นอกจากนี้บริษัทยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ” น.ส.วีณา กล่าว

ด้านนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในปี 2564 ยังเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 4,392.9 ล้านบาท ถึงแม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งบริษัทฯได้ประเมินความเสี่ยง และปรับกลยุทธ์การตลาดต่อเนื่อง ในการสร้างภาพลักษณ์สินค้า ทำการตลาดออนไลน์ และสร้างการรับรู้แบรนด์มากขึ้น รวมถึงการออกแคมเปญต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งในไตรมาส 2/2564 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง

สำหรับแผนการใช้เงินระดมทุนประมาณ 2,208 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะใช้ชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน ประมาณ 1,800-2,100 ล้านบาท ภายในปี 2565 เพื่อลดอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ให้อยู่ในกรอบ 0.5-1 เท่า จากปัจจุบันที่ 4.88 เท่า และลดอัตราส่วนส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย ต่อกำไร ก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (IBD/E) ให้ลดลงใกล้เคียง 0 เท่า จากปัจจุบันที่ 4.08 เท่า ส่วนเงินที่เหลือใช้ในการก่อสร้างโรงงานและส่วนขยายต่างๆ ในเวียดนาม

ส่วนบริษัท สิริ โปร ที่บริษัทฯถือหุ้นอยู่ 50.1% บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง ถือ  30% และทีมผู้บริหารถือ 19.9% ดำเนินธุรกิจการจัดจำหน่ายและการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งแต่ไตรมาส 2/2564 จะรับรู้เป็นส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุน  ซึ่งแนวโน้มธุรกิจมีการเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าในอนาคตจะมียอดขายประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท และบริษัทจะเริ่มพัฒนาธุรกิจโลจิสติกส์ ให้แก่ผู้ผลิตท้องถิ่นเพิ่มเติม ด้วยการใช้เทคโนโลยีระบบโลจิสติกส์ ที่ทันสมัย ในการกระจายสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ภายใต้ศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทฯ 11 แห่งทั่วประเทศ