หุ้นไทยร่วงตามตลาดโลก-น้ำมัน เฟ้นตัวได้ดีล็อกดาวน์-บาทอ่อน

HoonSmart.com>> ตามคาด! ไทยยกระดับล็อกดาวน์ หุ้นต่างประเทศร่วงระนาวซ้ำเติม ดัชนีทรุด -1.17% เกาะกลุ่มตลาดภูมิภาค ดีกว่ายุโรปดิ่งแรง 2% ดาวโจนส์ล่วงหน้าหายไป 300 จุด จากความกังวลโควิดกลายพันธุ์ ราคาน้ำมันดิบกระแทกลงกว่า 3% เงินบาทอ่อน 32.87 กดดันต่างชาติทิ้งหุ้น-อนุพันธ์ โนมูระเชียร์ KCE, HANA, TU, PM ,ASIAN, ADVANC, BDMS, BCH, CHG, EKH , GPSC, TVO บล.ฟินันเซียฯให้แนวรับ 1,540 จุด แนวต้าน 1,570-1,580 จุด ชอบ BCH, CHG, EKH, KCE, HANA, SONIC ยังไม่ให้ซื้อธนาคาร บล.เอเซียพลัสมองบวกโรงพยาบาล ยานยนต์ ชิ้นส่วน เกษตร-อาหาร

19 ก.ค. 2564 ตลาดหุ้นโลกแดงเถือก ของไทยลงลึกสุดเฉียด 23 จุด บริเวณ 1,551.79 จุด ก่อนฟื้นขึ้นมาปิดที่ 1,556.01 จุด รูดลง -18.36 จุดหรือ -1.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขายปานกลาง 66,729.12 ล้านบาท ส่วนตลาดในภูมิภาค ฮ่องกงลงแรง -1.84% ดัชนีนิเกอิ ของญี่ปุ่น -1.25% ตลาดยุโรปหลายแห่งดิ่งมากกว่า 2%  ดาวโจนส์ล่วงหน้า -300 จุด จากความกังวลโควิดกลายพันธุ์ หลายประเทศเพิ่มมาตรการล็อกดาวน์

ตลาดหุ้นไทยเจอแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจำนวน 1,900 ล้านบาท ทิ้งอนุพันธ์อีก 11,974 สัญญา แต่ซื้อตราสารหนี้ 7,522 ล้านบาท ค่าเงินบาท ปิดที่ 32.87 บาทต่อดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง โดยมีแรงขายหุ้นพลังงานตามราคาน้ำมันดิบลดลง  และธนาคาร สวนทางแรงซื้อหุ้นโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นแหล่งหลบภัยยามวิกฤต  หลังรัฐประกาศเพิ่มระดับล็อกดาวน์ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันทะลุ 1 หมื่นราย และความกังวลมาตรการรับมือไม่ไหว คาดการณ์ติดเชื้อสูงสุด 3.1 หมื่นคนต่อวัน

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล. โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ประเมินการล็อกดาวน์รอบนี้จะกินระยะเวลาอย่างน้อย 1-2 เดือน ขณะที่การฉีดวัคซีนยังค่อนข้างล่าช้า และโครงการ Phuket Sandbox ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ล่าสุดเงินบาทอ่อนค่าแตะ 32.88 บาทต่อดอลลาร์ เป็นแรงกดดันตลาดตลาด

บล.โนมูระ พัฒนสิน ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ลงสู่ 1.5% จากเดิม 2.1% และผลกระทบต่อกำไรตลาดปีนี้ (Market EPS) ปรับลดลงจาก 77 บาทต่อหุ้น เหลือ 76 บาทต่อหุ้น ส่วนปี 2565 คงไว้ที่ 90บาท และลดดัชนีเป้าหมายปีนี้เหลือ 1600 จุด จากเดิม 1650 จุด เพื่อสะท้อนความเสี่ยงระยะสั้นของตลาดที่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงกรอบการเคลื่อนไหวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ที่ 1450-1650 จุด

“ระมัดระวังตลาดหุ้นปรับฐาน กลยุทธ์แนะนำเลือกหุ้นรายตัว เน้นกลุ่มผลประกอบการดี กลุ่มส่งออก ในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มอาหารได้แก่ KCE, HANA, TU, PM และ ASIAN , กลุ่มสื่อสาร แนะนำ ADVANC , กลุ่มโรงพยาบาล แนะนำ BDMS, BCH, CHG และEKH , กลุ่มโรงไฟฟ้า แนะนำ GPSC และหุ้นที่มีปันผลระหว่างกาลแนะนำ TVO”นายกรภัทรกล่าว

ด้านนายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า หุ้นไทยตอบรับข่าวการเริ่มมาตรการใหม่ล็อกดาวน์ที่เข้มขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบต่อกำไรบจ.บางบริษัท ไม่มีข่าวบวก และแนวโน้มกำไรกลุ่มธนาคาร อาจจะไม่ช่วยผลักดันตลาด โดยกรอบสัปดาห์นี้ให้แนวรับไว้ที่ 1,540 จุด ไม่หลุด ส่วนแนวต้านที่ 1,570-1,580 จุด โอกาสผ่านก็ยาก

การลงทุนในไตรมาส 3/2564 แนะนำกลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มขนส่งทางเรือ คาดว่ากำไรจะดีอยู่ และราคาหุ้นน่าจะดีกว่ากลุ่มอื่นๆ แนะนำ BCH, CHG, EKH, KCE, HANA และ SONIC ส่วนกลุ่มธนาคารยังไม่แนะนำ ปัจจัยเสี่ยงการตั้งสำรองมีแนวโน้มจะสูงขึ้น ขณะที่ไตรมาส 4/2564 แนะนำสลับเข้าซื้อหุ้นที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 คาดหวังการทยอยฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น และการเปิดประเทศหรือเมืองต่างๆ

บล.เอเซีย พลัส ประเมินพิษโควิดระลอกใหม่ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบประมาณ 73% ของกำไรรวม ส่วนกลุ่มได้ประโยชน์เพียง 4% โดย 6 กลุ่มได้รับผลกกระทบมากจากมาตรการคุมเข้ม ท่องเที่ยว-ขนส่ง-ค้าปลีก-ก่อสร้าง-บันเทิง-ศูนย์การค้า อีก 5 กลุ่มกระทบน้อย  พลังงาน ปิโตรฯ-ธนาคาร-วัสดุก่อสร้าง-เช่าซื้อ ส่วน 4 กลุ่มได้ผลบวก โรงพยาบาล-ยานยนต์-ชิ้นส่วน-เกษตร อาหาร แนะกลยุทธ์เลือกหุ้นถูกกระทบจำกัด ชูหุ้นเด่น NER, MCS, BDMS

บล.บัวหลวงแนะนำหุ้น KEX,RCL มีโอกาสปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาดในช่วงล็อกดาวน์ ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นต้นทุนมีแนวโน้มลดลง ส่งผลดีต่อจิตวิทยาราคาหุ้นขนส่ง

บล.กรุงไทย ซีมิโก้ ให้แนวรับ 1,565 / 1,560 จุด แนวต้าน 1,580 / 1,596 จุด  ดัชนีฯ จะเกิดสัญญาณขาย (Sell) หากดัชนีฯ ร่วงต่ำกว่า 1,565 จุด