ดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 50 จุด เฟดคงนโยบายการเงิน ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานลด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสม ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกกว่า 50 จุด เฟดคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ด้านตัวเลขยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานลด นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ดัชนี Nasdaq-S&P 500 ร่วง ด้านตลาดหุ้นยุโรปลบ ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 2%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 15 กรกฎาคม 2564 ปิดที่ 34,987.02 จุด เพิ่มขึ้น 53.79 จุด หรือ 0.15% หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลาง(เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาว่า ภาวะการขาดแคลนสินค้าและเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเป็นภาวะชั่วคราวและเฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป

แต่นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้น Nvidia ลดลง 4.4% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ลดลง 2% หุ้นอินเทล ลดลง 1.26% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.9% ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลง

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,360.03 จุด ลดลง 14.27 จุด, -0.33%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,543.13 จุด ลดลง 101.82 จุด, -0.70%

นายพาวเวลล์ซึ่งแถลงต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 ต่อเนื่องจากการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันก่อนหน้า ได้กล่าวว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นภาวะช็อคของทั้งระบบที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเศรษฐกิจ และเฟดก็ไม่ได้วางใจ

“ความท้าทายที่กำลังเผชิญคือ การตอบสนองต่อเงินเฟ้อ ซึ่งสูงกว่าเฟดหรือคนอื่นๆที่คาดไว้ แต่ก็เป็นภาวะชั่วคราว จึงไม่เหมาะที่ตอบสนอง และในกรณีที่ยังคงเพิ่มขึ้นนานขึ้น เฟดจะยังคงประเมินความเสี่ยงอีกครั้งว่าจะมีผลต่อเงินเฟ้อคาดการณ์หรือไม่และจะนานแค่ไหน และยังติดตามสถานการณ์ต่อไป” นายพาวเวลล์กล่าว

แม้นายพาวเวลล์ย้ำว่าเงินเฟ้อเป็นภาวะชั่วคราว และย้ำว่าเฟดจะยังคงประเมินการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก่อนปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน แต่นักลงทุนยังกังวลว่าเงินเฟ้อจะสูงต่อเนื่องและอาจจะนำไปสู่การใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดเร็วขึ้น

นอกจากนี้นักลงทุนยังจับตาไปที่ข้อมูลเศรษฐกิจจากทั่วโลก หลังจากจีนรายงาน GDP ไตรมาสสองขยายตัว 7.9% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่า 8% ที่นักวิเคราะห์คาดและต่ำกว่า 18.3% ในไตรมาสแรก

กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงสู่ระดับ 360,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 16 เดือนนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อเดือนมีนาคม 2020 และลดลงจากระดับ 386,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

กระทรวงแรงงานยังรายงานว่า ดัชนีราคานำเข้าเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 1.0% จากเดือนก่อนหน้าดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 1.2%

เฟด รายงาน การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 0.4%

นักลงทุนยังขานรับผลการดำเนินงานไตรมาสสองโดยหุ้นมอร์แกน สแตนเล่ย์ เพิ่มขึ้น 0.18% จากกำไรไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้นอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) เพิ่มขึ้น 3.58% หลังจากแบล็คสโตน กรุ๊ป บริษัทด้านการลงทุนรายใหญ่ ประกาศซื้อหุ้น 9.9% บริษัท AIG ในมูลค่า 2.2 พันล้านดอลลาร์ หุ้นแบล็คสโตนเพิ่มขึ้น 3.92%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซที่ลดลง 2.7% หลังจากราคาน้ำมัน ดิบลดลง ขณะที่นักลงทุนยังกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯและอังกฤษ แม้นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลาง(เฟด)แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป

นายเดฟ แรมสเดน รองผู้ว่าการ ธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England:BoE) กล่าวเมื่อวันพุธว่า BoE อาจจะพิจารณาปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้นเร็วขึ้นกว่าที่คาดเพราะเงินเฟ้ออาจจะสูงขึ้นถึง 4% ในปลายปีนี้

อัตราว่างงานเดือนพฤษภาคมเบื้องต้นของอังกฤษเพิ่มขึ้น 1.9% จากระยะเดียวกันของปีก่อน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 456.20 จุด ลดลง 4.36 จุด, -0.95%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,012.02 จุด ลดลง 79.17 จุด, -1.12%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,493.36 จุด ลดลง 65.02 จุด, -0.99%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,629.66 จุด ลดลง 159.32 จุด, -1.01%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 1.48 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 71.65ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนลดลง 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 73.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
 
 
อ่านข่าว

ตลาดหุ้นโตเกียว-เอเชียเช้านี้ร่วง กังวลโควิด-รอ BOJ แถลง

ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงต่อ 1.48 ดอลลาร์ ทองเพิ่มขึ้น