“ลุมพินี วิสดอม” ระบุ ตลาดบ้านอัจฉริยะมาแรง โตมากกว่าปีละ 40%

HoonSmart.com>>“ลุมพินี วิสดอม” ระบุ “บ้านอัจฉริยะ: Smart Residence” ตอบโจทย์ด้านการอยู่อาศัย สุขอนามัย และเทคโนโลยี ในยุคหลัง COVID-19 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 40% ต่อปี

นายประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการบริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น บริษัทด้านวิจัยและพัฒนาในเครือบริษัท แอล. พี. เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) กล่าวถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันว่า หลังการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้มีการพัฒนาการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของประชาชนภายใต้วิถีชีวิตปกติใหม่ (New Normal) ซึ่งกลายเป็นวิถีชีวิตในปัจจุบัน (Now Normal)

โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก ประกอบด้วย การออกแบบพื้นที่ใช้สอยและวัสดุ (Function & Material) ที่ตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยและเป็นมิตรกับชีวิตและสิ่งแวดล้อม, การออกแบบโดยให้ความสำคัญกับสุขอนามัย (Health) และ การนำนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยโดยใช้เทคโนโลยี Internet of Thinks (IoTs) และอุปกรณ์อัจฉริยะเข้ามาเป็นส่วนสำคัญเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่สะดวกสบายและปลอดภัย มากยิ่งขึ้น

ขณะที่บริษัท เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ตนิว เอร่า บิซิเนส มีเดีย จำกัด ศึกษาการเติบโตของตลาด Smart Residence ในประเทศไทยระบุว่า ตลาดผลิตภัณฑ์ Smart Home ของประเทศไทยในปี 2559 มีมูลค่า 645 ล้านบาท และเพิ่มมากกว่าเท่าตัวในปี 2563 โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ย 40% ต่อปี โดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ Smart Residence เพื่อการดูแลผู้สูงอายุ เติบโตสูงสุด 60% และผลิตภัณฑ์ Smart Home เพื่อการรักษาความปลอดภัยจะเติบโตเป็นอันดับสองคือ 45% ต่อปี

สะท้อนให้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั่วโลกให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยเข้ามาใช้ในการปรับปรุงที่อยู่อาศัยในรูปแบบของบ้านอัจฉริยะหรือ Smart Residence มากขึ้น รวมทั้งพฤติกรรมของผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ที่เริ่มให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยที่มีเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้การอยู่อาศัยมีความสะดวกสบายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

จากการวิจัยของทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ “ลุมพินี วิสดอม” พบว่า ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยโดยคำนึงถึง 3 ปัจจัย ประกอบด้วย

1.พื้นที่ใช้สอยและวัสดุ (Function & Material)
2.การออกแบบโดยให้ความสำคัญกับสุขอนามัย (Health)
3.เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย (Smart Living Technology) โดย Smart Residence เป็น 1 ใน 3 ปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ

“Smart Residence ถูกพัฒนาไปพร้อมๆ กับการพัฒนาเทคโนโลยี 5G เพื่ออำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัย และตอบโจทย์กับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากปัจจัยเรื่องความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่เป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่อยู่อาศัยในอนาคตแล้ว การพิจารณาข้อดีและข้อเสียในการเลือกที่อยู่อาศัยที่มีเทคโนโลยีที่เสถียรในระดับราคาที่จับต้องได้ (Affordable Price) อย่างเหมาะสมและสมดุลกับตนเอง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ฉลาดซื้อ (Smart Life) ได้ในทุกมิติอย่างแท้จริง” นายประพันธ์ศักดิ์ กล่าว