SAWAD โชว์งบไตรมาส 2 พอร์ตลูกหนี้ครึ่งปีแรกโตกระฉูด 24% เอ็นพีแอลครึ่งปี ลดเหลือ 4.7% จากสิ้นไตรมาสแรก 8%
นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD ) เปิดเผยว่า งบการเงินรวม ไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิ 665 ล้านบาท ลดลง 22.9 ล้านบาท หรือ 3.32% เทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 687.30 ล้านบาท สาเหตุจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มความรอบคอบในการทำธุรกิจ และ สอดคล้องการเติบโตของลูกหนี้กลุ่มบริษัท
สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 2 มีรายได้จากดอกเบี้ย 1,384.45 เพิ่มขึ้น 11.03% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560 ที่มีรายได้ดอกเบี้ย 1,246.88 ล้านบาท
ขณะที่รายได้รวมในไตรมาส 2/2561 อยู่ที่ 1,873.90 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ราวม 1,818.11 ล้านบาท สาเหตุจากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อไตรมาส 2/2561
สำหรับงวด 6 เดือน มีรายได้จากดอกเบี้ย 2,628.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.68 % เทียบงวดเดียวกันป่ีก่อน มีรายได้ดอกเบี้ย 2,440.55 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวม 3,618.02 ล้านบาท ลดลง 1.9% เทียบงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,689.61 ล้านบาท
สาเหตุที่รายได้รวมลดลง เนื่องจากงวดเดียวกันของปี 2560 มีการบันทึกรายการพิเศษจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในส่วนที่เกี่ยวกับการได้มาบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ หรือ BFIT ซึ่งก็เป็นผลให้กำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกปี 2561 ลดลงประมาณ 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2560
นางสาวธิดา กล่าวว่า ผลการดำเนินในไตรมาส 2/2561 สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทยังมีการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะตัวเลขลูกหนี้สุทธิที่ เพิ่มขึ้นกว่า 24% จากสิ้นสุด 6 เดือนแรกของปี 2560 ที่มีลูกหนี้สุทธิ 19,766.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 24,510.98 ล้านบาท แต่เมื่อเปรียบเทียบจากไตรมาส 1/2561 ลูกหนี้สุทธิจะเติบโต 5 %
“ไตรมาส 2/2561 ลูกหนี้สุทธิจะเติบโตค่อนข้างมาก เมื่อเทียบไตรมาส 1/2561 กรณี NPL ที่มีปัญหาในไตรมาส 1/2561 ได้มาปิดบัญชี ทำให้ลูกหนี้สุทธิในไตรมาส 2 เติบโตเพียง 5% แต่หากไม่นับรวมการปิดบัญชีของลูกหนี้จำนวนดังกล่าว พอร์ตลูกหนี้สุทธิเมื่อเทียบรายไตรมาสจะเติบโตถึง 8 % “นางสาวธิดากล่าว
สำหรับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2561 ได้ปรับลดลงมาเหลือที่ 4.7% จากสิ้นสุดไตรมาส 1/2561 ที่มีเอ็นพีแอลประมาณ 8% หลังจากที่ลูกหนี้เอสเอ็มอีรายหนึ่งมาปิดบัญชี ซึ่งทำให้ภาพรวมเอ็นพีแอลของบริษัทกลับเข้าสู่ภาวะปกติ