HoonSmart.com>>บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง คาดหุ้นลงต่อ รอบนี้แนวรับแข็งแกร่งอยู่ที่ 1,500-1,530 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,560 จุด หวั่นรัฐออกมาตรการเข้มงวดยิ่งขึ้น กระแทกต่ำกว่า 1,500 จุด บล.ทิสโก้ชวนเก็งกำไรในตลาดผันผวน เล่นได้ 2 กลุ่ม ส่งออก-โรงพยาบาล
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นเด้งขึ้น 8.42 จุด ปิดที่ 1,552.09 จุด เมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมาหลังศบค.ประกาศใช้มาตรการคุมเข้ม 10 จังหวัด การล็อกดาวน์บางพื้นที่ที่มีความเสี่ยงมากๆ หรือพื้นที่สีแดง เพราะตลาดหุ้นตอบรับเชิงลบไปพอสมควรแล้ว โดยรอบนี้มองแนวรับแข็งแกร่ง อยู่ที่ 1,500-1,530 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,560 จุด
“สมมติว่าภาครัฐล็อกดาวน์ 14 วันแล้ว ส่วนตัวคิดว่าไม่ได้ทำให้ตัวเลขติดเชื้อลดลง ก็อาจจะมีมาตรการที่เข้มงวดขึ้นอีก จังหวะนั้นตลาดอาจจะกระแทกลงมาหลุด 1,500 จุด ตอนนี้เชื่อว่าน่าจะมีจังหวะรีบาวด์ทางเทคนิคได้ กลยุทธ์การลงทุนให้เล่นรอบ ย่อตัวเข้าซื้อ และขายทำกำไรเมื่อถึงแนวต้าน” นายวิจิตร กล่าว
ส่วนคำแนะนำในช่วงนี้ ให้เก็งกำไรหุ้นที่ผลประกอบการดีเป็นหลัก และมีปัจจัยหนุนอื่นๆ อาทิหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการทำงานอยู่บ้าน แนะนำ SIS และ GLOBAL หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน แนะนำ TU, HANA และ KCE หุ้นขนส่งที่เติบโตตามเศรษฐกิจโลก แนะนำ WICE และหุ้นโรงพยาบาลขนาดเล็ก ที่ได้ประโยชน์จากจำนวนผู้มาเข้าตรวจเชื้อโควิด-19 แนะนำ BCH และ CHG
นายวิจิตรกล่าวว่า การจัดพอร์ตในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 แนะนำหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และเติบโตตามเศรษฐกิจโลก แนะนำกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มขนส่งโลจิสติกส์ โดยไม่ให้ไล่ราคา รอจังหวะตลาดปรับตัวลดลงในการเข้าซื้อสะสม ส่วนกลุ่มที่เติบโตตามเศรษฐกิจในประเทศยังไม่แนะนำ
ด้านนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ กล่าวว่า การใช้มาตรการต่างๆของภาครัฐ เพื่อคุมจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประเมินตลาดหุ้นมีแนวโน้มจะแกว่งตัวลดลง มีแนวรับอยู่ที่ 1,530 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,500-1,510 จุด หากธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณปรับลดสภาพคล่องในระบบ (QE Tapering) ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,570 จุด
กลยุทธ์การลงทุนช่วงระยะ 1-2 สัปดาห์นี้ แนะนำเก็งกำไรในช่วงที่ตลาดหุ้นผันผวน กลุ่มส่งออกและกลุ่มโรงพยาบาล แนะนำ BDMS, BCH, KCE, CBG และ TU ส่วนหุ้นในกลุ่ม Reopening อาทิ กลุ่มโรงแรม, ขนส่งมวลชน, การท่องเที่ยว และค้าปลีกห้างสรรพสินค้าต่างๆ สามารถทยอยสะสมได้ ช่วงตลาดอ่อนตัวลง มองว่าจะฟื้นตัวได้ดี หลังสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ