ดาวโจนส์ร่วงกว่า 250 จุด วิตกการฟื้นตัวเศรษฐกิจพิษโควิดระลอกใหม่ทั่วโลก

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงกว่า 250 จุด วิตกการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการระบาดไวรัสโควิดระลอกใหม่ทั่วโลก นักลงทุนขายหุ้นซบพันธบัตรลดความเสี่ยง บอนด์ยีลด์ 10 ปี ลดลงสู่ระดับ 1.25% ต่ำสุดตั้งแต่เดือนก.พ. ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลง ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 8 กรกฎาคม2564 ปิดที่ 34,421.93 จุด ลดลง 259.86 จุด หรือ -0.75% จากความวิตกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโควิด หลังจากญี่ปุ่นประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,320.82 จุด ลดลง 37.31 จุด หรือ -0.86%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,559.78 จุด ลดลง 105.28 จุด หรือ -0.72%

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในญี่ปุ่นที่จะเริ่มขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคมไปจนถึง วันที่ 8 สิงหาคม จากที่เลื่อนมาจากปีก่อน จะห้ามผู้เข้าชมหลังจากประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงโตเกียวเพื่อสกัดการแพร่ระบาดรอบใหม่

นอกจากนี้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดทั่วโลกเกินกว่า 4 ล้านราย และหลายประเทศเจอการระบาดของไวรัสเดลต้าที่กลายพันธุ์

กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น มาที่ระดับ 373,000 ราย จากระดับ 371,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สูงกว่า 350,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด ซึ่งเป็นสัญญานว่าตลาดแรงงานชะลอตัว

การปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจฉุดให้ตลาดอ่อนตัวลง โดยหุ้นคาร์นิวาล หุ้นนอร์วีเจียน ครูซไลน์ และหุ้นโรยัล แคริบเบียนต่างลดลงมากกว่า 1% หุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์ หุ้นเดลต้าแอร์ไลน์ต่างลดลงกว่า 1% หุ้นค้าปลีกนอร์ดสตรอมลดลง 3% หุ้นโฮมดีโป้ลดลง1.5%

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปอ่อนตัวลงจากความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยหุ้นไมครอน หุ้นควอลคอม หุ้นอินเทลต่างลดลงกว่า 1% หุ้นNvidia ลดลง 2.3%

นักวิเคราะห์จาก Granite Investment Advisors ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าทำให้วิตกว่าเศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวจะชะลอตัวลง

นักลงทุนหันไปลงทุนพันธบัตรเพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับ 1.25% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการกลับเข้ามาลงทุนในพันธบัตร ขณะที่ส่วนหนึ่งมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
แต่นักวิเคราะห์จากเวลลส์ฟาร์โกมองว่า เกิดจากปัจจัยทางเทคนิคมากกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค

หุ้นกลุ่มธนาคารลดลง โดย หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 2.44% หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 1.78% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 2.40% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ลดลง 2.62%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มค้าปลีกที่ลดลง 3.2% หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจที่สดใส นักลงทุนกลับมาวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ธนาคารกลางสหภาพยุโรป European Central Bank ปรับเป้าหมายเงินเฟ้อเป็น 2% และจะปล่อยให้ราคาผู้บริโภคสูงกว่าเป้าหากจำเป็น

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 451.61 จุด ร่วงลง 7.92 จุด, -1.72%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,030.66 จุด ร่วงลง 120.36 จุด, -1.68%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,396.73 จุด ลดลง 130.99 จุด, -2.01%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,420.64 จุด ลดลง 272.07 จุด, -1.73%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 74 เซนต์ ปิดที่ 72.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 69 เซนต์ ปิดที่ 74.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 
 
อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นหลังสต็อกสหรัฐฯ ลดลงเกินคาด