HoonSmart.com>> บล.เอเซีย พลัส ประเมินหากรัฐ Lockdown เข้มเหมือนไตรมาส 2/63 กรณียืดเยื้อประเมินฉุด GDP ปี 64 มีโอกาสติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 Sentiment ลบต่อตลาดหุ้น ด้านกำไรบจ.ไตรมาส 3/64 นิวโลว์ เสี่ยงหั่นประมาณการทั้งปีลง ด้านหุ้น 4 กลุ่มถูกกดดันหนัก “ยานยนต์-สื่อ-ขนส่ง-รับเหมาก่อสร้าง”
บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส (ASPS) เปิดเผยว่า สัญญาณการเพิ่มความเข้มงวดมาตรการควบคุมการระบาดมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ยังน่ากังวล ล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นสูง การระบาดสายพันธุ์ Delta (พบครั้งแรกที่อินเดีย) ซึ่งสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วเริ่มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อของไทยที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้การ Lockdown อาจตามมาได้ คล้ายกับช่วงไตรมาส 2/63 ที่ผ่านมา ที่ Lockdown เข้มงวดนาน 38 วัน ซึ่งประเมิน Downside ในการปรับลด GDP Growth ปี 2564 ASPS ประเมินมีโอกาสถูกปรับลง ถือเป็น Sentiment ลบต่อตลาดหุ้น
ปัจจุบัน สำนักเศรษฐกิจส่วนใหญ่ และ Consensus ที่คาด GDP Growth อยู่ในกรอบ 1.5-2%yoy ASPS คาด 1.7% แต่ส่วนใหญ่ Assumption ยังไม่รวม Impact ของการ Lockdown 10 จังหวัดระยะเวลา 1 เดือน ปลายเดือน มิย.- ปลายเดือน ก.ค. และปัจจุบัน รัฐบาล อาจพิจารณาออกมาตรการ Lockdown ทั้งประเทศ ?? (ดัง paragraph ด้านบน) เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เพราะหากเกิดขึ้น Impact การปรับลด GDP จะขึ้นกับระยะเวลายาวนาน??)
ASPS พิจารณาในอดีตจากการ Lockdown ไทยแบบเข้มงวดทั่วประเทศ ปี 2563 รัฐบาลได้ประกาศ Lockdown ระยะเวลา 26 มี.ค.-3 พ.ค.63 รวม 38 วัน ในรอบนั้นมูลค่า Real GDP แต่ละไตรมาส เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว พบว่า ไตรมาส 1 ลดลง 5.8 หมื่นล้านบาท และงวด 2Q63 ลดลงแรงถึง 3.23 แสนล้านบาท และไตรมาส 3-4 ปีที่แล้ว GDP มูลค่า GDP ยังลดลงต่อ (ดังตาราง) เพราะทั่วโลกเผชิญโควิด และนักท่องเที่ยวไม่มีเข้าไทย รวมถึงภาคส่งออกลดลงตามการค้าโลก และถ้าพิจารณา Indicator ในปีที่แล้ว จะพบว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง และ คนออกจากบ้านลดลง สะท้อนจาก Gogle Mobality
จากข้อมูลในปี 2563 ดังกล่าว ASPS ประเมินหากรัฐประกาศ Lockdown ทั่วประเทศรอบนี้ (รอรัฐบาลพิจารณา วันที่ 11 -12 กค) คาดจะกระทบเศรษฐกิจเหมือนปีที่แล้ว เบื้องต้นกำหนดไตรมาส 2Q63 เป็นกรณี Worst Case คาด GDP ไทยหากได้รับผลกระทบ Lockdown มูลค่าประเมินจะหดตัวลงไม่ควรเกินนี้ )เพราะปีเพราะเป็นไตรมาสที่เลวร้ายที่สุด) โดยประเมินว่า GDP งวด 2Q64-3Q64- ของประเมินมูลค่าจะลดลงจากปีที่แล้ว คาดจะหดตัวทั้ง qoq และ yoy และมีโอกาสสูงที่ GDP Growth ทั้งปี 2564 อาจจะพลิกกลับมาติดลบ
นอกจากนี้หาก Lockdown กำไร 3Q64 อาจต่ำสุดของปี และลดลงทั้ง qoq และ yoy
อัตราการเติบโตของกำไรเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ช่วยในการผลักดันตลาด ซึ่งปัจจุบันกำไรบริษัทจดทะเบียนมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากการแพร่ระบาดหนักของ COVID-19 ในประเทศ และหากภาครัฐมีการประกาศ Lockdown ในช่วง 3Q64 นี้ มีโอกาสกดดันให้กำไรบริษัทจดทะเบียนเป็นหลุมต่ำสุดของปีและลดลงทั้ง qoq และ yoy ได้ ด้วย 3 เหตุผลดังนี้
1. ตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉลี่ยในช่วง 3Q64 เกือบ 6 พันรายต่อวัน และสูงโดดเด่นเกิน 1 เท่าตัวจากไตรมาสที่ผ่านมา อีกทั้งช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนแทบไม่มีผู้ติดเชื้อเลย ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่รัฐใช้ในการพิจารณา Lockdown ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดน้อยลง และกระทบต่อภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียน
2. หากมีการ Lockdown จริง มาตรการน่าจะเข้มงวดขึ้นกว่าทั้งไตรมาสที่ผ่านมา และช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาตการ Lockdown แม้จะช่วยควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่ต้องแลกมากับเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้าลง ซึ่งหากเปรียบเทียบกับช่วง 3Q63 ไม่ได้มีมาตการคุมเข้มอะไร และช่วง 2Q64 มีเพียงมาตการแบ่งโซนสี ดังนั้นมาตการที่ออกมาน่าจะกดดันเสรษฐกิจและกำไรให้เป็นหลุมพอสมควร
3. 4 Sector ที่กำไรน่าจะถูกกดดันมากสุดหากมีการ Lockdown คือ AUTO, MEDIA, TRANS, CONS โดย Sector ดังงกล่าวเคยพลิกเป็นขาดทุนในช่วง 2Q63 ซึ่งอยู่ในช่วงที่มีมาตรการ Lockdown ขณะเดียวกันกำไรหุ้นกลุ่มพลังงานอาจพยุงกำไรตลาดได้น้อยลง หากกลุ่ม OPEC มีการปรับเพิ่มกำลังผลิตในไตรมาสนี้กดดดันให้ราคาน้ำมันมีโอกาสย่อตัวหลังจากทำจุดสูงสุดในรอบ 3 ปี ช่วงต้นไตรมาส
ทั้ง 3 ปัจจัยล้วนกดดันกำไรบริษัทจดทะเบียนเป็นหลุมต่ำสุดของปีและลดลงทั้ง qoq และ yoy หากการ Lockdown คุมเข้มและยืดเยิ้อกินระยะเวลานาน นอกจากนี้ในมุมมอง EPS Consensus ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึง 83.6 บาท/หุ้น (สูงกว่าที่ ASPS ประเมินไว้ที่ 71.2 บาท/หุ้น มาก) ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่น่าจะเห็นการปรับประมาณการกำไรลงในช่วงต่อจากนี้