“นพพร” ลุยทวงหนี้ “ณพ” 2.4 หมื่นล้านบ. ผถห.วินด์ฯ ยันสัญญาไม่มีโบนัสพิเศษ

HoonSmart.com>> “นพพร ศุภพิพัฒน์”   เจ้าหนี้ “ณพ ณรงค์เดช”  ทวงหนี้ค่าหุ้น 762.55 ล้านเหรียญสหรัฐ ชี้คดียังไม่สิ้นสุด เตรียมยื่นฟ้องคดีต่ออนุญาโตตุลาการอีกครั้ง ด้าน “นันทิดา กิตติอิสรานนท์” ลูกสาว”ประเดช” โผล่กลาง ZOOM ยันไม่เคยมี Bonus Payment ในสัญญา  ตามที่ “ณพ” กล่าวอ้าง

ลุ้นคดีฟ้องสำคัญ เรียกค่าเสียหาย 2,000 ล้านปอนด์ที่อังกฤษ ตัดสินต้นปี 2566 

นพพร ศุภพิพัฒน์

นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ก่อตั้งบริษัท บริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ( WEH )  เปิดแถลงข่าวผ่าน ZOOM เมื่อเวลา 14.10 น. ว่า คดีที่ยื่นฟ้องบริษัท โกลเด้น มิวสิค ซึ่งครอบครองหุ้นวินด์ ฯ กว่า 42 ล้านหุ้น  ,  นายณพ ณรงค์เดช และพวก รวม 17 คน ข้อหาร่วมกันสมคบคิด ฉ้อฉล (conspiracy)  เรียกค่าเสียหายกว่า  2,000 ล้านปอนด์ ต่อศาลประเทศอังกฤษ

คดีดังกล่าว ถือเป็นคดีหลักสำหรับข้อพิพาท ระหว่างบริษัทของนายนพพร กับกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช โดยนายนพพร คิดว่า เป็นคดีที่่มีมูลค่ามากพอที่จะบังคับการใช้หนี้ได้ แม้จะไม่ครบตามมูลหนี้ทั้งหมด 700 ล้านเหรียญสหรัฐ  ที่นายณพ ณรงค์เดช ไม่ชำระหนี้เงินต้น+ดอกเบี้ย รวม  762.55 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2.4 หมื่นล้านบาท

ปัจจุบัน หุ้นวินด์ฯ ทั้งหมดที่โกลเด้น มิวสิค ถืออยู่ห้ามจำหน่าย จ่าย โอน ซึ่งศาลอังกฤษนับสืบพยานเดือนตุลาคมปี 2564 คาดว่า ใช้เวลาสืบพยานจนถึงสิ้นปี 2565 และตัดสินคดีต้นปี 2566 ส่วนใหญ่คดีที่อังกฤษ จะจบที่ศาลชั้นต้น มีเพียง 10% ที่ยื่นอุทธรณ์

นายนพพร กล่าวถึง  กรณีที่ นายณพ ให้ข่าวศาลสิงคโปร์พิพากษาชี้ชัด ไม่ต้องจ่ายเงิน 525 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่อ้างว่าเป็นเงินพิเศษ   (Bonus Payment)   นั้น มีส่วนถูกต้องเพียงบางส่วน เท่านั้น เป็นการนำความจริง+ความเท็จ = ความเท็จ ดังเช่นน้ำสะอาด เอาน้ำสกปรกเข้ามาใส่ ก็เป็นน้ำสกปรกที่กินไม่ได้

ดังนั้น เมื่อนายณพได้หุ้นไปแล้ว และความเป็นเจ้าหนี้ค่าหุ้น ของนายนพพร ตามกฏหมายยังคงอยู่ ตนจะเสนอข้อพิพาทเรียกเงินค่าหุ้นจำนวน 525 ล้านเหรียญ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่าย อีกครั้ง ต่ออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศสิงคโปร์ ภายในสัปดาห์หน้า ทำให้ละเอียด รัดกุม ซึ่งหากนายณพ ให้ความร่วมมือไม่ถ่วงเวลา ก็จะมีคำชี้ขาดเรื่องนี้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี

” เงินที่ต้องจ่าย 525 ล้านเหรียญสหรัฐ มีเงื่อนไขชำระหลังจากโครงการโรงไฟฟ้าวินด์ ฯ 5 โครงการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว (COD ) ซึ่ง COD ไปเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ “ณพ” ถ่วงเวลาไม่จ่าย อ้างขายของไม่ตรงปก คดีนี้ศาลที่สิงคโปร์ตัดสิน “ณพ” แพ้คดีและได้ยื่นฟ้อง ซึ่งศาลอุทธรณ์สิงคโปร์  มีอำนาจเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับ กระบวนการพิจารณาคดีของอนุญาโตตุลาการเท่านั้น ไม่มีอำนาจวินิจฉัยเนื้อหาของคดี ว่า ใครเป็นหนี้ใคร เมื่อเห็นว่า การพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ ขาดความสมบูรณ์ จึงมีอำนาจเพิกถอนคำชี้ขาดได้ ผมจึงต้องเริ่มฟ้องใหม่  ทำให้ละเอียด รัดกุม ครบถ้วนมากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม มูลค่าหุ้น REC ( REC ถือหุ้น WEH 64% ) ที่ “ณพ” มีหน้าที่ต้องชำระให้นายนพพร ทั้งหมด 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามสัญญาให้จ่าย 175 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังทำสัญญาซื้อขายหุ้น 2 เดือน ซึ่ง “ณพ” จ่ายล่าช้า ต้องถวงถาม และจ่ายเพียง 118 ล้านดอลลาร์เท่านั้น เหลืออีก 50 กว่าล้านเหรียญ + ดอกเบี้ยรวม 78 ล้านเหรียญสหรัฐเศษ  “นพพร” ได้ฟ้องร้องคดีถึงที่สุดศาลสั่งให้ “ณพ” ต้องจ่าย แต่ปัจจุบันไม่ยอมจ่าย

นอกจากนี้ “กลางที่ประชุม” คุณจอย ลูกสาวคุณประเดช กิตติอิสรานนท์ ออกมาเปิดเผยว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นไปตามและใกล้เคียงกับที่ นพพร พูดข้างต้น ซึ่งการที่ ณพ ณรงค์เดช พูดในช่วงก่อนหน้าว่าไม่ต้องจ่ายเงินพิเศษ (Bonus Payment) จำนวน 525 ล้านเหรียญ นั้นไม่มีในสัญญาเลยที่ว่าเกี่ยวกับการจ่ายพิเศษ ในคู่สัญญาทั้ง 3 ฉบับ ที่เคยเห็นไม่มีคำไหนที่แสดงถึงการจ่ายเงินพิเศษ 525 ล้านเหรียญ ซึ่งมูลค่าดังกล่าว คือจำนวนที่ ณพ ณรงค์เดช ต้องจ่ายอยู่แล้ว ตามสัญญา หลังจากที่ 5 โครงการ สามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ ไม่ใช่เงิน Bonus Payment

ที่ผ่านมา คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ มีคำชี้ขาดตัดสินให้ นายณพ ชำระค่าหุ้นให้ตนเอง แต่นายณพ เพิกเฉย ไม่ดำเนินการตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ อีกทั้งนายณพและพวก โดยเฉพาะทีมทนายส่วนตัวของนายณพ ยังวางแผนโอนหุ้นไปให้พรรคพวกตัวเองในราคาที่ต่ำ และหุ้นบางส่วนก็ขายไปให้คนนอกที่ไม่รู้เรื่องในราคาสูง เช่นบริษัท เอคิว เอสเตท ( AQ ) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

หลังจากนายณพ ได้เงินจากการขายหุ้นมา ไม่เคยนำเงินมาชำระหนี้เพิ่มเติมเลย ต่อมา ตนได้รับเอกสารจากการดำเนินคดีกับณพในประเทศไทย และมีข้อมูลที่ทีมทนายของตนเห็นว่า จำเป็นที่จะต้องพึ่งศาลในประเทศอังกฤษ  มีความจำเป็นที่ต้องยื่นคดีหลักต่อศาลในประเทศอังกฤษ ให้ดำเนินคดีข้อหาร่วมกันสมคบคิดฉ้อฉล (conspiracy) กับจำเลยต่าง ๆ รวมถึงบริษัทโกลเด้น มิวสิค ของนายณพในประเทศฮ่องกง ซึ่งครอบครองหุ้นวินด์ฯ จำนวนกว่า 42 ล้านหุ้น และมีมูลค่ามากพอที่จะนำเงินมาใช้หนี้บางส่วนได้ ภายหลังหากถูกบังคับคดีขายทอดตลาด ดังนั้น คดีฉ้อฉลในประเทศอังกฤษนี้จึงเป็นคดีหลักสำหรับข้อพิพาทระหว่างบริษัทของนายนพพร กับกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช

“ตนเข้าใจความรู้สึกและเห็นใจผู้ถือหุ้นวินด์ทุกท่าน ที่อยากเห็นบริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้จน สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และทำให้บริษัทมีการเติบโต มีผลตอบแทนที่น่าพอใจ แต่เมื่อนายณพ ยังไม่นำเงินมาชำระหนี้ค่าหุ้น ตนเองก็จำเป็นที่จะต้องฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมของตนเองจนกว่าคดีความจะสิ้นสุด หรือนายณพ เปลี่ยนใจนำเงินมาชำระหนี้ทั้งหมด ตนก็พร้อมที่จะจบเรื่อง

ที่ผ่านมา ผมได้ยินข่าวว่า มีนักลงทุนหลายราย พยายามเข้ามาเจรจาลงทุนซื้อกิจการของวินด์ เพราะเขาเห็นศักยภาพของวินด์ และผู้ถือหุ้นวินด์จะได้เงินตอบแทนที่เหมาะสม แต่ผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น นักลงทุนทุกคนหนีหมด ซึ่งปัญหาในวินด์ฯ ทั้งหมดกว่า 5 ปี จะหมดไปหรือไม่ และวินด์ฯ จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลสูงอังกฤษในคดีฉ้อฉล ซึ่งกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อฉลหลายคน จะมีผลสำคัญต่อการจบปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด” นายนพพร กล่าวทิ้งท้าย