4 โบรกแจกหุ้นเด่นเดือน ก.ค. รอซื้อ1570-1550 ขาย 1640 จุด

HoonSmart.com>> นักวิเคราะห์มองหุ้นก.ค.ไม่สดใส ให้แนวรับแถว 1,510-1,570 จุด บล.เอเซียพลัสคาดเล่นหุ้นยาก เฟดส่งสัญญาณลดสภาพคล่อง มีโอกาสลดเป้ากำไรบจ. แนะ MCS, BDMS, BJC,GPSC,CENTEL,BLA,TFG บล.ทรีนีตี้ให้ขายเมื่อเข้าใกล้ 1,650 จุด เน้นหุ้นเติบโตสูง แนะส่งออก โลจิสติกส์ บรรุภัณฑ์ คัด 12 หุ้นเด่น KCE, TFG,ASIAN, SUN, XO, WICE, SONIC, SCGP, SFT, SFLEX, UTP บล.ทิสโก้ลดเสี่ยงตลาดหุ้นปรับฐาน เสนอ  BCH, BDMS,BEC,JWD,KCE,NYT,TVO  บล.ฟินันเซีย ไซรัส เตือนเงินไม่เข้า ราคาหุ้นแพงกว่าภูมิภาค ชี้เป้า BDMS, DOHOME, EPG, KCE, SONIC

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (APCS) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3/64 ยังเผชิญความเสี่ยงทั้งจากต่างประเทศและในประเทศ หากเฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตร (QE Tapering) ซึ่งตลาดคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลาย ส.ค. จะผลักดันให้เงินทุนไหลออก ประเมินแนวรับสำคัญ ที่บริเวณ 1,510 จุด

นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงเรื่องนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรของบจ. ซึ่งน่าจะผ่านจุดสูงสุดแล้วในไตรมาส 1 คาดในช่วง 9 เดือนที่เหลือของปี จะมีกำไรสุทธิรวม 5.45 แสนล้านบาท เติบโต 11.7% ซึ่งน้อยกว่าไตรมาสแรกที่เติบโต 135% เป็นเหตุผลให้นักวิเคราะห์ปรับประมาณการ หากกำไรไตรมาส 2 ออกมา จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมีมาตรการควบคุมที่ดำเนินมาแล้ว 3 เดือนครึ่งจาก 9 เดือนที่เหลือของปี น่าจะกดดันกำไรต่อหุ้นของตลาด ปัจจุบัน Consensus คาดไว้ที่ระดับ 83 บาท/หุ้น ส่วนเอเซียพลัสประเมินที่ 71.2 บาท/หุ้น นับว่าค่อนข้างต่ำกว่าตลาดพอสมควร

สำหรับกลยุทธ์เลือกหุ้น หลบความผันผวนไปหาหุ้นพื้นฐานดีและเป็นเป้าของเงินทุนไหลเข้า แนะนำซื้อหุ้น MCS  ให้มูลค่าเหมาะสม 21.90 บาท หลังได้งานใหญ่จากญี่ปุ่นมียอดถึง 1.2 แสนตัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดกำไรขาขึ้นมีโอกาสมากกว่า 1,000 ล้านบาท P/E ถูกมาก  เช่นเดียวกับ BDMS กำไรขาขึ้น เป้าหมาย 24 บาท BJC มูลค่า 39.50 บาท  ปัจจุบันราคาลงมามาก GPSC เป้าหมาย 82 บาท CENTEL มูลค่า 40 บาท TFG 6.20 บาท ได้ปันผลด้วย ส่วน BLA ควรมีไว้ในพอร์ต มูลค่าเหมาะสม 35 บาท เพราะกำไรจะเพิ่มขึ้นมาก จากปีก่อนทำได้ 1,606 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะกระโดดเป็น 3,372 ล้านบาท ปีหน้า 3,759 ล้านบาท

บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์เดือนก.ค. ประเมินหุ้นต้นไตรมาส 3 คล้ายช่วงปลายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ดัชนีจะยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบการลงทุน 1,550-650 จุด ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงแนะนําให้ใช้ระดับ 1,600 จุด ซึ่งเป็นระดับยุติธรรมเป็นแกนกลางแบ่งครึ่งในการลงทุน หากดัชนีขึ้นเหนือ 1,600 จุดขึ้นไปให้เน้นทางขาย โดยเฉพาะ หากเข้าใกล้แนวต้านที่ 1,650 จุด ในทางกลับกันหากดัชนีอยู่ในระดับต่ำกว่า 1,600 จุดลงมาให้เน้นทางซื้อ ยิ่งเข้าใกล้แนวรับที่ 1,550 จุด

ธีมการลงทุนในเดือนก.ค.นี้ มีโอกาสสูงที่กลุ่มหุ้นเติบโตจะดีกว่าหุ้นมูลค่าถูก แนะนำกลุ่มส่งออก เลือก KCE, TFG,ASIAN, SUN, XO กลุ่มขนส่ง เลือก LEO ,SONIC กลุ่มบรรจุภัณฑ์เลือก SCGP, SFT, SFLEX, UTP

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดกลยุทธ์ครึ่งปีหลังมองหุ้นไทยจบรอบแกว่งซิกแซกขึ้นแล้ว เข้าสู่ช่วงการพักฐานแกว่งตัวออกข้างถึงแกว่งตัวลงในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า กลยุทธ์เน้นหุ้นที่คุณค่าและคุณภาพ (Value & Quality) ธีมหลักช่วงนี้จะเกี่ยวกับการประกาศผลกำไรไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะออกมาดี และมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน

สำหรับหุ้นเด่นในเดือนก.ค. คือ BCH, BDMS, BEC, JWD, KCE, NYT และ TVO ด้านแนวรับสำคัญ อยู่ที่ 1,570 – 1,575 แนวรับถัดไปคือ 1,565 และ1,550 จุด ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,570 – 1,575 จุด แนวต้านถัดไปคือ 1,565 เมื่อทะลุได้จะทำแนวต้านถัดไป คือ 1,610 1,630 และ 1,645 จุด ตามลำดับ

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินเดือนก.ค. ดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,570-1,640 จุด  โดยมีแนวรับหลักถัดมาที่ 1,530 จุด โควิดกดหุ้น Domestic และ Reopening Play  ไม่มีเงินไหลเข้าเหตุเศรษฐกิจยังอ่อนแอ ราคาหุ้นแพงกว่าภูมิภาค ชี้เป้า 5 หุ้นแนะ BDMS, DOHOME, EPG, KCE, SONIC