บล.ทรีนีตี้มองหุ้นก.ค.แกว่ง ชูธีมหุ้นเติบโต Outperform เปิดโผ 3 กลุ่มเด่น

HoonSmart.com>> บล.ทรีนีตี้ มองหุ้นต้นไตรมาส 3/64 ดัชนีแกว่งกรอบ 1,550-1,650 จุด แนะจัดพอร์ตขายเมื่อดัชนีเข้าใกล้ 1,650 จุด ช้อนซื้อแถว 1,550 จุด เสิร์ฟกลยุทธ์ลงทุนเดือนก.ค.ชูธีมหุ้น Growth โอกาส Outperform กลุ่มหุ้น Value แนะกลุ่มส่งออก โลจิสติกส์ บรรุภัณฑ์ คัด 12 หุ้นเด่นแนะนำ KCE, TFG,ASIAN, SUN, XO, WICE, SONIC, SCGP, SFT, SFLEX, UTP

บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์แนะนำการลงทุนเดือนก.ค.2564 โดยประเมินภาวะตลาดหุ้นไทยต้นไตรมาส 3 นี้ จะคล้ายคลึงกับชวงปลายไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ดัชนีจะยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบการลงทุนที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1,550-1,650 จุด มองประเด็นหลักในช่วงเดือนก.ค.นี้จะยังไม่มีข่าวร้ายใดๆ ออกมาจากทางฝั่งของธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก จึงน่าจะทําให้มุมมองของนักลงทุนต่อประเด็นสภาพคล่องยังคงดีอยู่

อย่างไรก็ตามปัจจัยที่อาจลดความเชื่อมั่นของนักลงทุนลงได้บ้าง คือ สถานการณ์ของโรค Covid-19 ซึ่งเริ่มมีสัญญาณให้เห็นถึงการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ต่างๆทั่วโลก ณ ขณะนี้ จนอาจนํามาสูความกังวลต่อประสิทธิผลของวัคซีนต่างๆได้

ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงแนะนําให้ใช้ระดับดัชนี 1,600 จุด ซึ่งเป็นระดับยุติธรรมของเราเป็นแกนกลางแบ่งครึ่งในการลงทุน หากดัชนีปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,600 จุดขึ้นไปให้เน้นทางขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเข้าใกล้แนวต้านที่ 1,650 จุด ในทางกลับกัน หากดัชนีอยู่ในระดับต่ำกว่า 1,600 จุดลงมาให้เน้นทางซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเข้าใกล้แนวรับที่ 1,550 จุด

สำหรับธีมการลงทุนในเดือนก.ค.นี้ มีโอกาสสูงที่กลุ่มหุ้น Growth จะสามารถปรับตัว Outperform กลุ่มหุ้น Value ได้ โดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้

1) เป็นกลุ่มที่ทนทาน/ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ที่ยังคงรุนแรง

2) เป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Bond yield ระยะยาวที่ยังคงทรงตัวตํ่า เนื่องจาก Inflation expectation ที่ Peak out ไปแล้ว รวมถึงประเมินว่าในเดือนนี้ตลาดจะยังไม่มีการ Price in ประเด็น QE Tapering มากนัก

3) เป็นกลุ่มที่มัก Outperform ในชวงที่ความชัน Yield curve อยู่ในระดับตํ่า

บล.ทรีนีตี้ มองธีมการลงทุนหลักในเดือนก.ค.นี้ จึงเบนไปยังหุ้นในกลุ่ม Growth ที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของกําไรแข็งแกร่งเป็นพิเศษ โดยพยายามเลือกหุ้นที่ไม่เสยประโยชน์จากเหตุการณ์ Covid-19 ในประเทศ มองกลุ่มที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

1) กลุ่มส่งออก : คาดส่วนใหญ่ผลประกอบการไตรมาส 2 อยู่ในเกณฑ์ดีได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท และได้ประโยชน์จากพฤติกรรม WFH ในต่างประเทศที่อาจดํารงต่อไป เลือก KCE, TFG,ASIAN, SUN, XO

2) กลุ่ม Logistics: เลือก LEO จากการที่ราคาปัจจุบันยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของเรา และมี Story เรื่อง China post รออยู่ เลือก WICE ในฐานะเป็นผู้เล่นที่มี Composition ของธุรกิจขนส่งทางอากาศและทางทะเลในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน เลือก SONIC ในฐานะที่มี Valuation น่าสนใจที่สุด

3) กลุ่ม Packaging: เนื่องจากส่วนใหญ่ Demand จะอิงกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่จําเป็น จึงไม่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 มากนัก ได้ประโยชน์จากพฤติกรรม New normal การสั่งสนค้า Online และ Delivery ต่างๆ รวมไปถึงได้ประโยชน์จากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง เลือก SCGP, SFT, SFLEX, UTP