TU จับมือ “วีฟู้ดส์” ขยายธุรกิจอาหารทางเลือกจากพืช

HoonSmart.com>>TU จับมือ วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) ประกาศความร่วมมือในธุรกิจ Plant-Based Food อาหารทางเลือกจากพืชร่วมกันพร้อมศึกษาขยายตลาดไปยังช่องทางต่างๆ ที่แต่ละบริษัทมีความเชี่ยวชาญ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับนวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด ผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกนับเป็นหนึ่งในสินค้านวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ไทยยูเนี่ยนมีความยินดีที่ได้จับมือกับวี ฟู้ดส์ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจอาหารไปในแนวทางเดียวกับเรา และพร้อมเดินหน้าร่วมมือขยายความร่วมมือและโอกาสทางธุรกิจต่อไป”

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “บริษัทวีฟู้ดส์ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่การวิจัยพัฒนาและส่งเสริมเครือข่ายเกษตรกรในการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพในการผลิตสินค้าคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพและมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยการเลือกบริโภคอาหารที่มีความยั่งยืน บริษัทมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้มีโอกาสร่วมทำงานกับบริษัทไทยยูเนี่ยนในการพัฒนาตลาดโปรตีนทางเลือกจากพืช และอาหารทางเลือกจากพืชพร้อมทานจากประเทศไทยให้เติบโตและขยายตลาดสู่ต่างประเทศ”

ปัจจุบัน บริษัท วี ฟู้ดส์ คือผู้นำตลาดข้าวโพดหวานพร้อมทานและน้ำนมข้าวโพดภายใต้แบรนด์ “วี ฟาร์ม” ด้วยยอดขายอันดับ 1 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพพร้อมทานภายใต้แบรนด์เดียวกัน และผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือก “More Meat”

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป คงคำแนะนำ “ซื้อ” TU ปรับราคาพื้นฐานเป็น 21.80 บาท โดยมองเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในกลุ่มส่งออกแาหาร แม้ว่าจะไม้ได้รับผลบวกจาก COVID19 ในกล่มุ Ambient อย่างปีที่ผ่านมา แต่หากการดําเนินงานของ RL ที่ดีกว่าที่คาดทําให้ภาพการดำเนินงานปี 64 อาจไม่อ่อนลงอย่างที่เคยคาดไว้และยังได ้ผลบวกจากเงินบาทที่กลบมาออ่อนค้า

นอกจากนี้มองแนวโน้มช่วงที่หลือของปีดีกว่าที่เคยคาดไว้ ทางฝ่ายคาดว่าช่วงที่เหลือของปีการดําเนินงานดีกว่าที่เคยคาดไว้แม้ว่ายอดขายกล่มุ Ambient จะลดลงจากปีก่อนที่ได้ผลบวกจาก COVID-19 ส่งผลให้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ปีนี้คาดว่าการเพิ่มขึ้นของการขายส่วนใหญ่จะมาจากกลุ่ม frozen ที่ได้ผลบวกจากการคลายล็อกดาวน์ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นทําให้การขายจะกลับมาเพิ่มขึ้น

รวมถึงในส่วน Pet care คาดว่าจะเป็นอีกกลุ่มสินค้าที่ยอดขายยังเติบโตได้ต่อเนื่องหลังการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตใหม่หลัง COVID-19 ทําให้ทางฝ่ายปรับประมาณการยอดขายเป็น 133,314 ล้านบาททรงตัว y-y แต่คาดว่าแนวโน้ม margin จะอ่อนลง เนื่องจากยอดขายกลุ่ม frozen ที่มี margin ตํ่ามีสัดส่วนเพิ่มขึ้นแต่คาดว่าอาจไม่ลดลงมากนักจากผลของ

1) ราคาปลาทูน่าไม่ได้ปรับขึ้นมากนักและ 2) แนวโน้มเงินบาทอ่อนค่า ขณะที่การดําเนินงานของ RL แม้คาดว่าในปีนี้ยังขาดทุนอยู่ แต่ตัวเลขการขาดทุนอาจไม่มากอย่างที่เคยคาดไว้ว่าจะขาดทุนราว 600 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มการดําเนินงานดีขึ้นหลังการปรับลดค่าใช้จ่ายและการปรับปรุงการดําเนินงานหลายอย่างในช่วงที่ผ่านมา ปรับกําไรสุทธิเพิ่มเป็น 7,002 ล้านบาท และจะมีส่วนเพิ่มต่อประมาณการในการรับรู้กําไรจากการลดสัดส่วนการถือหุ้น TFM หลังเข้ามาซื้อขายในตลาดฯ ภายในปลายปีนี