PTTGC ร่วงหลุด 60 บาท ผวากำไรหมดแรง

HoonSmart.com>>”พีทีที โกลบอล” เจอแรงขายถลุงหนักจนราคาปิดต่ำกว่า 60 บาท ทางเทคนิคมองไม่สวย นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้เป้าสูงกว่า 70 บาท ยกเว้น บล.เอเซียพลัสตีมูลค่า 69 บาท ยืนประมาณการกำไรหลักปีนี้ 2.1 หมื่นล้านบาท พุ่งขึ้น 181% ไตรมาส 2 ประคองตัว ครึ่งปีหลังมีโอกาสลดลงจากกำลังผลิตใหม่ของอุตสาหกรรมโถมเข้ามา บริษัทปิดซ่อมบำรุงโรงงาน 39 วัน บล.บัวหลวงหวังว่ากำลังผลิตใหม่จะเข้าตลาดช้ากว่าที่คาดการณ์  

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล(PTTGC) ทรุดลงแรงผิดปกติ ราคาปิดที่จุดต่ำสุด 59.25 บาท ติดลบ 1.25 บาทหรือ 2.07% ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 2,076 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2564 ที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ไม่ทราบสาเหตุที่มีแรงขายหุ้น PTTGC ออกมาอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับปัจจัยพื้นฐานที่มีกำไรไตรมาส 1 /2564 สูงเกินคาด และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 2   นอกจากนี้ยังมีกำไรพิเศษประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากการขายหุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) จำนวน 12.73% ให้กับบริษัท ปตท.(PTT) ในราคาหุ้นละ 70 บาท ได้รับเงินทั้งสิ้น 25,126 ล้านบาท ปัจจุบันคงเหลือหุ้นอยู่สัดส่วน 10%

หุ้นที่ปิดต่ำกว่า 60 บาท นับเป็นสัญญาณไม่ดีทางเทคนิค ปัจจุบันยังไม่แนะนำให้เข้าซื้อ แม้ว่าราคาในปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี (P/BV) อยู่ที่ประมาณ 65 บาท และยังต่ำกว่าราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่นักวิเคราะห์ 19 ราย ให้ไว้ที่ 77.36 บาท  ราคากลางอยู่ที่ 77.30 บาท ส่วนใหญ่ประเมินมูลค่าสูงกว่า 70 บาท  โดยบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้มูลค่าสูงที่สุด 85 บาท

ขณะที่บล.เอเซียพลัสให้ราคาต่ำที่สุด 69 บาท แนะนำซื้อรับงบไตรมาสที่ 2 ที่ยังสดใสต่อ จากธุรกิจหลักโอเลฟินส์ แต่เน้นในการหาจังหวะเข้าสะสม เพราะ upside เริ่มจำกัด หลังจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปรับกำไรสุทธิไตรมาสแรกที่ 9.7 พันล้านบาท เติบโต 51.4% และกำไรปกติอยู่ที่ 8.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 111.4% เทียบกับไตรมาสที 4/2563

” กำไรไตรมาส 1 คิดเป็น 42% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2564 โดยคงไว้ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.1% จากปีก่อน แม้ว่าไตรมาส 2 ยังประคองตัวได้ จากส่วนต่างราคาหรือสเปรดของกลุ่มโอเลฟินส์ที่ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่ครึ่งปีหลังกำไรน่าจะอ่อนตัวอย่างมีนัยสำคัญ”บล.เอเซียพลัสระบุ

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลังสเปรดปิโตรเคมีจะลดลงจากกำลังการผลิตใหม่ที่จะเริ่มเข้าสู่ตลาด ซึ่งกว่า 80% ของกำลังการผลิตใหม่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2564 จะผลิตเชิงพาณิชย์ คาดว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มโพลีเอทิลีน (PE) เข้าสู่ตลาดราว 8-9 ล้านตัน จากกำลังการผลิตรวมทั้งโลก 96 ล้านตัน ส่วนผลิตภัณฑ์ PP คาดว่าจะเข้าสู่ตลาดราว 6-7 ล้านตัน จากกำลังการผลิตรวมทั่วโลกที่ 134 ล้านตัน

นอกจากนี้บริษัทมีแผนปิดซ่อมบำรุงโรงงานโอเลฟินส์หน่วยที่ 3 กำลังการผลิต 1 ล้านตันต่อปี เป็นระยะเวลา 39 วันในช่วงปลายไตรมาส 3 ต่อเนื่องถึงต้นไตรมาสที่ 4

ด้านบล.บัวหลวงให้เป้าหมายพื้นฐาน 70 บาท และคงประมาณการกำไรปีนี้ที่ 19,482 ล้านบาท เนื่องจากคาดกำไรหลักไตรมาส 2 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาสแรก และกำไรหลักช่วงครึ่งปีหลังจะลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ลดลง

อย่างไรก็ตามความล่าช้าของการเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่ในอุตสาหกรรมจะเป็นอัพไซต์ต่อสเปรดและประมาณการกำไร นอกจากนี้การลงทุนใหม่ รวมถึงการเข้าซื้อกิจการจะเพิ่มอัพไซด์ประมาณการกำไรเช่นกัน

ปัจจุบัน PTTGC ซื้อขายต่ำกว่า 1 เท่าของมูลค่าหุ้นทางบัญชี และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1.1 เท่าอยู่ 0.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน