AMATA มั่นใจยอดขายที่ดินปี 64 ทะลุ 1พันไร่ อัดงบ 3-5 พันลบ.ซื้อที่เพิ่ม

HoonSmart.com>> “อมตะ คอร์ปอเรชัน” ตั้งเป้ายอดขายที่ดินปี 2564 มากกว่า 1 พันไร่ แบ่งเป็นไทย 950 ไร่ และเวียดนาม เจรจาอยู่ 30 กว่าราย  คาดปลายไตรมาส 3 ต่างชาติเริ่มมา-ธุรกิจไปต่อ-ยอดขายโตขึ้น  ลูกค้าสามารถเดินทางมาดูที่ดินได้ ตั้งงบลงทุนซื้อที่ดิน 3-5 พันล้านบาท ตุน Backlog 1.82 พันล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 60% ส่วนไตรมาส 2 ผลงานทรงตัวเหมือนไตรมาส 1  ครึ่งปีหลังเข้าสู่ไฮซีซั่น

นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ายอดขายที่ดินที่ในปี 2564 จะสูงกว่า 1,000 ไร่ โดยแบ่งเป็นในประเทศไทยประมาณ 950 ไร่ จากนิคมอุตสาหกรรม ชลบุรี 200 ไร่ , นิคมอุตสาหกรรม ระยอง 450 ไร่ และนิคมอุตสาหกรรม ไทย-จีน ระยอง อีก 300 ไร่ จากปัจจุบันที่มีที่ดินในมือประมาณ 12,601 ไร่ ส่วนที่เหลือจะเป็นยอดขายจากประเทศเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันมียอดขายประมาณ 200 ไร่

บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าประมาณ 30 กว่าราย ทั้งลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อยู่ในยุโรป สหรัฐฯ และในเอเชีย ซึ่งลูกค้าที่ให้ความสนใจพื้นที่มากกว่า 100 ไร่ มีอยู่ประมาณ 3-4 ราย ส่วนที่มีการทำหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) แล้วมีอยู่ประมาณ 100 ไร่

“การเปิดประเทศ และการกระจายวัคซีน เป็นสิ่งที่สำคัญต่อธุรกิจ เนื่องจากลูกค้ารอเข้ามาดูพื้นที่จริงอยู่หลายราย  ถ้าเรายังไม่มีการฉีดวัคซีนที่เป็นวงกว้างมากขึ้น เค้าก็ยังมีความกลัวที่จะเดินทางมา ซึ่งเรามั่นใจว่าช่วงปลายไตรมาส 3 ตามแผนการฉีดวัคซีนของไทย จะเริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามามากขึ้น  ธุรกิจเราจะกลับมาเดินหน้าต่อ ผลงานจะดีขึ้น ซึ่งเป้ายอดขายที่เราตั้งไว้ในประเทศ 950 ไร่ คิดว่าทำได้แน่ๆ แถมได้ยอดขายที่เวียดนามเข้ามาหนุนผลประกอบการให้โตขึ้นอีกด้วย” นายวิบูลย์ กล่าว

บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับซื้อที่ดินอยู่ที่ 3,000-5,000 ล้านบาท ปัจจุบันใช้ซื้อที่ดินไปแล้วประมาณ 400-500 ล้านบาท และมียอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้ (Backlog) ณ สิ้นไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 1,829 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้มากกว่า 60%

ขณะที่ภาพรวมในปี 2564 คาดว่าจะเติบโตได้ดียิ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้  โดยปกติแล้วจะเป็นช่วงที่มีการเติบโตที่ดีสุด (High Season) ส่วนครึ่งแรกของทุกปีจะเป็น Low Season คาดว่าในไตรมาส 2  จะทรงตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 1 ส่วนธุรกิจให้บริการสาธารณูโภค และธุรกิจโรงงานให้เช่าสำเร็จรูป  แนวโน้มธุรกิจยังเติบโตได้ดีขึ้นต่อเนื่อง

ด้านประกอบการในไตรมาส 1/2564 บริษัทมีรายได้รวม 920.3 ล้านบาท ลดลง 25.2% และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าอยู่ที่ 113.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 698.7% ทำให้บริษัทฯมีกำไรสุทธิ  185.7 ล้านบาท ลดลง 16.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

.