SAWAD ยันเป้าสินเชื่อโต 20% ครึ่งปีหลังเริ่มไฮซีซั่น

HoonSmart.com>> “ศรีสวัสดิ์ฯ” ย้ำเป้าสินเชื่อปี 2564 โต 20%  จากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ-ที่ดิน เป็นหลัก  ธุรกิจน้องใหม่ สินเชื่อส่วนบุคคล-สินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์  หลังนำบริษัท เงินสดทันใจ ออกจากงบรวม กระทบระยะสั้น มูลค่าหนี้ลด-NPL ขึ้นแตะ 4.22% มั่นใจคุมได้ในกรอบ 4-5% เชื่อระยะยาวเติบโตดีจากฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น รับโควิด-19 กระทบบ้าง ชะลอเปิดสาขา เดินหน้าตามแผนเป้าวันละ 1 สาขา  ส่วนธุรกิจนายหน้าเล็งเพิ่มประเภทบริการ ด้านธุรกิจบริหารหนี้ร่วมกับ NOBLE เน้นซื้อสินทรัพย์แปลงใหญ่ พัฒนาต่อยอด-เพิ่มมูลค่า ยันเงินสดเพียงพอลงทุน D/E ต่ำ-กู้เงินได้ 

ธิดา แก้วบุตตา

น.ส.ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อรวมปี 2564 เติบโต 20% จาก ณ สิ้นไตรมาส 1 มีมูลค่าหนี้สินรวมประมาณ 23,000 ล้านบาท โดยเติบโตจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ และสินเชื่อจำนำที่ดิน ที่มีสัดส่วนสูงถึง 48.26% และ 41.9% ของพอร์ตตามลำดับ ซึ่งช่วงครึ่งหลังของปีปกติจะเป็นช่วงที่มีการเติบโตที่ดี (High Season)

ขณะที่สินเชื่อส่วนบุคคล ภายใต้บริษัทย่อย ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล (SCAP) ในปี 2564 คาดว่าจะมีพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 2,000-3,000 ล้านบาท และบริษัทย่อย เอส ลีสซิ่ง ที่เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ คาดว่าจะมีพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 5,000-7,000 ล้านบาท

ด้านบริษัท เงิดสดทันใจ  ปัจจุบันถือหุ้นฝ่ายละ 50% กับธนาคารออมสิน ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ปัจจุบันบริษัทฯติดสัญญาที่จะไม่เปิดเผยข้อมูล (NDA) โดยได้นำผลประกอบการของเงินสดทันใจออกจากงบการเงินของบริษัทฯ แต่ประเมินว่าไม่ได้มีผลกระทบในระยะยาว ในช่วงสั้นมีผลบ้างเล็กน้อย ทำให้มูลค่าหนี้ในไตรมาส 1  ลดลงอยู่ที่ 23,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท และหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.22% เนื่องจาก NPL ของบริษัทเงินสดทันใจค่อนข้างต่ำและได้รับผลกระทบโควิด-19 บ้างเล็กน้อย แต่บริษัทจะพยายามจะควบคุมให้อยู่ในกรอบ 4-5%

“เราจับมือกับธนาคารออมสิน มองถึงโอกาสในการขยายฐานลูกค้ามากกว่าผลตอบแทน ซึ่งในระยะสั้นอาจจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการบ้างเล็กน้อย แต่ในระยะยาวด้วยความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่าย เชื่อว่ายังมีการเติบโตที่ดีในอนาคต” น.ส.ธิดา กล่าว

นอกจากนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกใหม่ ทำให้บริษัทมีผลกระทบเชิงลบบ้างเล็กน้อยในไตรมาส 2 จากจำนวนผู้มาใช้บริการในสาขาลดลงบ้าง แต่ช่องทางออนไลน์กลับเพิ่มมากขึ้น ส่วนการเปิดสาขาก็มีชะลอตัวลงไปบ้าง ซึ่งบริษัทยังคงเป้าหมายเดิมที่จะเปิดให้ได้วันละ 1 สาขา โดยเงินลงทุนประมาณ 200,000 บาทต่อสาขา ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 4,797 สาขา และมีตู้คีออส ที่ร่วมให้บริการกับธนาคารออมสินอีกกว่า 1,000 ตู้

สำหรับธุรกิจนายหน้าประกัน (โบรกเกอร์) บริษัทยังมุ่งเน้นการขายให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในสาขาต่างๆด้วย ซึ่งในอนาคตบริษัทฯมีแผนจะขยายไปยังประกันภัยประเภทอื่นๆ ที่นอกเหนือจากประกันภันรถยนต์และรถจักรยานยนต์อีกด้วย

ส่วนความร่วมมือกับบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) ที่เข้าลงทุนในบริษัท บริหารสินทรัพย์ เอส ดับบลิว พี (SWP) ที่ดำเนินธุรกิจในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และสินทรัพย์รอการขาย (NPA) โดยบริษัทมุ่งเน้นการซื้อสินทรัพย์ที่มีแปลงขนาดใหญ่ เพื่อมาบริหารต่อ และด้วยความชำนาญพันธมิตร  ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ที่ซื้อไปได้

น.ส.ธิดา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังมีความแข็งแกร่งในงบการเงิน ทั้งอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ที่อยู่ในระดับต่ำ 1.07 เท่า และยังมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินเพียงพอต่อการลงทุนในอนาคต อยากให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าบริษัทฯมีความสามารถในการแข่งขัน ถึงแม้ว่าในอุตสาหกรรมนี้จะมีผู้เล่นมากมายก็ตาม บริษัทยังสามารถเติบโตตามแผนที่วางไว้ได้