หุ้นหวังสูง เร่งฉีดวัคซีน เชียร์แบงก์ เป้าสิ้นปี1,650 จุด

HoonSmart.com>> หุ้นเปิดสดใส เร่งฉีดวัคซีนวันแรก 1.4 แสนโดส ปลุกความมั่นใจ ดัชนีวิ่งขึ้นไป 14 จุด ก่อนเจอด่านเทคนิค ถอยหลังกรู บวกแค่ 1.06 จุด ต่างชาติขาย 1.2 พันล้านบาท นักวิเคราะห์ตั้งความหวังไว้สูง เตือนเผื่อผิดหวัง บล.เอเซียพลัสมองเงินไหลเข้า TIP ไทย อินโดฯ ฟิลิปปินส์ ลุ้นขึ้นเดือนละ 3-5% สภาธุรกิจตลาดทุนไทยให้เป้าปีนี้ 1,650 จุด เชียร์กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ บล.ทิสโกเพิ่มน้ำหนักแบงก์ ยก SCB-TTB เด่น  ฟุตซี่คัดหุ้นใหญ่เข้ารอบ KTC-OR 

 

วันที่ 7 มิ.ย. 2564 ตลาดหุ้นไทยเปิดบวกตามตลาดต่างประเทศ ดัชนีวิ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 1,625.56 จุด บวกแรงกว่า 14 จุด แต่ภาคบ่ายเจอแรงขายไหลลงไปต่ำสุดที่ 1,611.78 จุด ก่อนปิดที่ 1,612.59 จุด เพิ่มขึ้น 1.06 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 88,490.01 ล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างชาติขายออก 1,214 ล้านบาท แลกหมัดรายย่อยซื้อ 1,110 ล้านบาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นแกว่งตัวขึ้นไปทดสอบที่ 1,625.56 จุด ก่อนจะมีแรงขายทางเทคนิค ภาพตลาดยังไม่ชัดเจน หุ้นขนาดเล็กเคลื่อนไหวได้ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ โดยต้องรอดูการกระจายวัคซีนภายในประเทศเป็นหลัก แนวโน้มสัปดาห์นี้ คาด ดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,630 จุด ถ้าหลุดแนวรับแนวรับใหม่ที่ 1,590 จุด แนะนำหุ้นที่เกี่ยวกับกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมา BEM , BCP และ ALLY ส่วนหุ้นขนาดเล็ก แนะนำ WINMED

ปัจจัยที่ต้องติดตาม คือตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่จะประกาศในวันที่ 10 มิ.ย. และการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ฝ่ายวิจัยบล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ว่าฝั่งเอเชียอย่างกลุ่ม TIP มีตัวเลขผู้ติดเชื้อเริ่มทรงตัวถึงลดลง การกระจายวัคซีนเริ่มเร่งตัวขึ้น หนุนให้เงินทุนทยอยไหลเข้าตลาดหุ้นในเดือนมิ.ย.ทุกประเทศ ดัชนีขึ้นโดดเด่น คาดว่า ตลาดหุ้นไทยและเพื่อนบ้านมีโอกาส Outperform ต่อในช่วง 1 – 2 เดือนจากนี้ เฉลี่ย 3 – 5% ต่อเดือน

จากการศึกษาพฤติกรรมของนักลงทุน การเร่งฉีดวัคซีนถือเป็นตัวแปรสำคัญที่จะผลักดันให้ดัชนีเพิ่มขึ้น อาทิ ในช่วงเดือน มี.ค. คนฝั่งสหรัฐและยุโรปได้รับวัคซีนเร่งขึ้น มีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป สูงเกิน 3 หมื่นล้านเหรียญต่อตลาด และสูงเกิน 2 เท่าตัวเมื่อเทียบกับเดือน ก.พ. ที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มกระจายวัคซีน หนุนดัชนี MSCI World ปรับตัวขึ้นแรงถึง 3 – 5%ต่อเดือน ในช่วง 2 เดือนถัดมา โดยกลุ่มหุ้นที่ Outperform โดดเด่น ส่วนใหญ่เป็นหุ้นในประเทศและหุ้นเปิดเมืองเป็นหลัก

“หุ้นไทยเพิ่มขึ้นแรง 2.7% โดยกลุ่มหุ้นที่เริ่มกลับมาสูงกว่าตลาด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหุ้นธีมเปิดเมือง ฝ่ายวิจัยฯ แนะนำ MINT, CPN, AOT, MAJOR, SPVI และ MCS”บล.เอเซียพลัสระบุ

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า เป้าหมายดัชนีหุ้นปี 2564 อยู่ที่บริเวณ 1,650 จุด มองว่าตลาดยังเป็นช่วงขาขึ้น จากความคาดหวังของนักลงทุนในเรื่องการกระจายวัคซีนที่มีเป้าหมายในปีนี้ 100 ล้านโดส จำนวน 50 ล้านคน และการเปิดเมืองภูเก็ตเป็นจังหวัดนำร่องด้านการท่องเที่ยว ถ้าทำได้ตามแผนที่วางไว้ คาดว่าตลาดจะปรับขึ้นไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้

ด้านดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ผลสำรวจในเดือนพ.ค.2564 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ส.ค.2564) อยู่ที่ระดับ 126.40  เพิ่มขึ้น 1.6% จากเดือนก่อนหน้า ยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” หรือ Bullish ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 โดยให้หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ น่าสนใจที่สุด และธุรกิจแฟชั่น ไม่น่าสนใจที่สุด

บล.ทิสโก้ เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มธนาคาร จากการกระจายวัคซีน คาดธีมการเปิดประเทศ สภาพเศรษฐกิจดีขึ้น หนุนแนวโน้มกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์นี้ รวมถึงกลุ่มธนาคารด้วย แม้กำไรจะแย่กว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ แต่ราคาหุ้นปรับตัวลงกว่า 8% ตั้งแต่เริ่มการระบาดระลอก 3 มูลค่าไม่แพง มีความน่าสนใจในการลงทุนระยะ 6-12 เดือน ปรับคำแนะนำขึ้นทุกตัวเป็น “ซื้อ” ยกเว้น BAY และ KTB กำไรคาดจะยังทรงๆ หรือแย่ลง มอง SCB และ TTB น่าสนใจกว่าหากเทียบผลตอบแทนต่อความเสี่ยง

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และฟุตซี่ รัสเซลประกาศผลการทบทวนรายชื่อหุ้นชุดใหม่ที่จะใช้ในการคำนวณ FTSE SET Index Series มีผลวันที่ 21 มิ.ย. 2564 เป็นต้นไป   โดยดัชนี FTSE SET Large Cap Index มี 2 หุ้นใหม่ คือ KTC และ OR  แทน TRUE และ EGCO