MTC คุมต้นทุนดอกเบี้ย ลุ้นทริสฯปรับเครดิตเป็น “BBB+” ปีนี้

MTC เร่งคุมต้นทุนดอกเบี้ย หวังทริสฯปรับเรตติ้งเป็น BBB+ หากกม.กำกับผู้ให้บริการทางการเงินมีผลบังคับในปีนี้ พร้อมเพิ่มเป้ามีสาขาในปีนี้เป็น 3,200 สาขา จากเดิม 3,000 สาขา มั่นใจกำไรปีนี้โต 40% ห่วงไตรมาส 3 ได้รับผลกระทบโครงการพักหนี้-น้ำท่วม

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายกำไรปีนี้ว่าจะเติบโตที่ระดับ 40% จากปีที่แล้วที่มีกำไร 2,501 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทจะมีกำไร 1,746 ล้านบาท เติบโต 57.72% เมื่อเทียบกับปีก่อน และในช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงไฮซีชั่นของธุรกิจก็ตาม เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่บริษัทยังต้องติดตาม เช่น ผลกระทบจากโครงการพักชำระหนี้ของรัฐบาล และเหตุการณ์น้ำท่วม

“ไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่ยากสำหรับเรา เนื่องจากรัฐบาลเริ่มโครงการพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าที่เป็นเกษตรกรไม่มีความจำเป็นต้องกู้เงินจากเรา รวมทั้งลูกค้าในบางพื้นที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ผมยังมั่นใจว่ากำไรในไตรมาส 3 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 40% โดยล่าสุดเราเพิ่มเป้าหมายการเปิดสาขาเพิ่มเป็น 3,200 สาขาในปีนี้ จากปัจจุบันที่เปิดครบ 3,000 สาขาไปแล้ว ซึ่งจะทำให้บริษัทมีลูกค้ารายใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม”นายชูชาติกล่าว

ชูชาติ เพ็ชรอำไพ

นายชูชาติ ย้ำว่า การที่บริษัทเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง ไม่ได้ทำให้รายได้ต่อสาขาลดลง โดย ณ ไตรมาส 2 บริษัทมีสาขา 2,889 แห่ง มียอดปล่อยสินเชื่อเฉลี่ย 14.35 ล้านบาทต่อสาขา เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 60 ที่มีสาขา 2,424 แห่ง มียอดปล่อยสินเชื่อเฉลี่ย 14.24 ล้านบาทต่อสาขา ขณะที่การเปิดสาขาใหม่ๆดังกล่าวเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า อีกทั้งจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันดีขึ้น และป้องกันไม่ให้คู่แข่งรายใหม่เข้าสู่ตลาด

นายชูชาติ กล่าวว่า ณ ไตรมาส 2 บริษัทมีสินเชื่อคงค้าง 41,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.50% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีสินเชื่อคงค้าง 29,306 ล้านบาท ขณะที่ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่อยู่ที่ 19,745 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.02% เทียบกับปีก่อนที่มีสินเชื่อใหม่ 14,102 ล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.35% เทียบกับไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 1.29% เป็นการเพิ่มขึ้นตามปกติ เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอมและช่วงเทศกาล ทำให้ลูกค้าบางส่วนหมุนเงินไม่ทัน

“ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ในช่วง 6 เดือนแรกอยู่ที่ 36,621 ล้านบาท และทั้งปีเรายังคงเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ปีนี้ที่ 8 หมื่นล้านบาท ส่วนสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 41,469 ล้านบาท โดยปีนี้เรามั่นใจว่าทั้งรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทจะเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ ซึ่งครึ่งปีแรกเรามีกำไรสุทธิ 1,746 ล้านบาท ถ้าคูณสองก็ตก 3,400 ล้านบาท”นายชูชาติกล่าว

นายชูชาติ ย้ำว่า การปล่อยสินเชื่อของบริษัทจะเติบโตต่อเนื่อง ตามทิศทางการลงทุนของภาครัฐทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และการลงทุนพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

นายปริทัศน์ เพชรอำไพ กรรมการบริหาร MTC กล่าวว่า บริษัทยังเดินหน้าควบคุมต้นทุนดอกเบี้ยเพื่อรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัทจะออกหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างกำหนดอัตราดอกเบี้ย พร้อมกันนั้น บริษัทมีแผนจะลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ให้อยู่ที่ระดับ 42% ภายในกลางปีหน้าจากปัจจุบันที่อยู่ที่ 43% ซึ่งจะทำให้บริษัทรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ให้ต่ำกว่า 35% แม้ว่าจะไม่ปรับเพิ่มดอกเบี้ยกับลูกค้าในช่วง 1 ปีจากนี้

“เราหวังว่าทริส เรทติ้งจะปรับเครดิตของเราจาก BBB เป็น BBB+ ในปีนี้ เนื่องจากเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ทริสฯเข้ามาตรวจ และบอกว่าประสิทธิภาพของเราได้ระดับ BBB+ แล้ว แต่ยังไม่ปรับเครดิตให้ เพราะรอพ.ร.บ.การกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน พ.ศ…ประกาศใช้ในช่วงสิ้นปีนี้ก่อน หากกฎหมายเปิดช่องให้เรียกเก็บดอกเบี้ยรวมกับค่าธรรมเนียมต่างๆได้ไม่ต่ำกว่า 23% เราจะขอให้ทริสฯมาอัพเดต หากเราได้เรตติ้ง BBB+ ต้นทุนดอกเบี้ยจะลดลง 0.3-0.5%”นายปริทัศน์กล่าว

ปริทัศน์ เพชรอำไพ

นายปริทัศน์ กล่าวว่า ด้วยพอร์ตสินเชื่อที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีความเป็นไปได้ที่หนี้เสียในช่วง ณ สิ้นปี จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.4% จากไตรมาส 2 ที่อยู่ที่ 1.35% แต่ยังอยู่ในเป้าหมายของบริษัทที่จะควบคุมหนี้เสียไม่ให้เกิน 1.5% ขณะที่ ณ ไตรมาส 2 บริษัทมีการตั้งสำรองหนี้ 1,380 ล้านบาท คิดเป็น 1.59% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ส่วนการบังคับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2563 นั้น จะไม่กระทบต่อกำไรของบริษัทเช่นกัน