SCI ลุ้นรายได้ปีนี้โต 15% เดินเครื่องโรงงานเสาส่งเมียนมา

SCI คาดรายได้ปีนี้โต 15% ลุ้นปี 2562 โตก้าวกระโดด หลังเดินเครื่องโรงงานเสาส่งเมียนมา เล็งขยายธุรกิจในเวียดนาม-กัมพูชา

นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค (SCI) คาดว่า รายได้ในปี 2561 จะเติบโตขึ้นประมาณ 15% จากปี 2560 ที่มีรายได้ 1,678.29 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 ปี 2561 จะกลับมาทำกำไรได้ หลังจากขาดทุน 23.19 ล้านบาทในไตรมาส 1

เกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล

“ไตรมาส 2 เราน่าจะบวกได้ เพราะมีรายได้เข้ามาจากหลายทาง รวมทั้งปันผลจากบริษัท ที ยูทิลิตี้ส์ จำกัด (TU) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำกำไรในปีนี้ และรายได้จากเสาส่งโทรคมนาคมที่เจ้ามาต่อเนื่อง นอกจากนี้สถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนน่าจะดีขึ้น เพราะในไตรมาส 1 ผลขาดทุนส่วนหนึ่งมาจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ปีนี้น่าจะบวกได้ดีกว่าปี 2560 (ปี 2560 บริษัทมีกำไร 20.50 ล้านบาท) แต่คงไม่มากเท่าปี 2559 (กำไร 162.52 ล้านบาท)” นายเกรียงไกร กล่าว

นอกจากนี้ โรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคม กำลังการผลิต 7,500 ตันต่อปี และโรงงานชุบสังกะสี หรือ ชุบกัลป์วาไนซ์ กำลังการผลิต 2.4 หมื่นตันต่อปี ในประเทศเมียนมา มูลค่าเงินลงทุน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 660 ล้านบาท เปิดเดินเครื่องการผลิตอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 2561

“เรามั่นใจว่า โรงงานในเมียนมาจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญในอนาคตของบริษัท เนื่องจากรัฐบาลเมียนมามีแผนขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน ส่งผลให้ความต้องการเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคมเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ” นายเกรียงไกร กล่าว

นอกจากนี้ นายเกรียงไกร ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการร่วมประมูลงานโรงไฟฟ้าเอกชน โปรเจกต์คันบก ซึ่งหากได้รับคัดเลือกรายได้จะเริ่มเข้ามาช่วงปลายปีนี้ และยังอยู่ระหว่างเตรียมเอกสารเพื่อยื่นประมูลสายส่งในโครงการของ ADB

“มีโอกาสที่รายได้ในปี 2562 จะเติบโตแบบก้าวกระโดด จาก 4 ปัจจัย คือ รายได้จากพม่า, รายได้จาก TU, ไม่ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และโปรเจกต์ในลาวกลับมาเดินหน้าต่อได้ โดยในปี 2562 ประมาณการรายได้ในประเทศประมาณ 1,800-1,900 ล้านบาท และรายได้จากเมียนมา 400 ล้านบาท รวมกันประมาณ 2,200-2,300 ล้านบาท แต่ถ้ามีรายได้จากลาวเข้ามาก็จะก้าวกระโดด” นายเกรียงไกร กล่าว

ทั้งนี้ ในปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัท 90% เป็นรายได้ในประเทศ และ 10% จากต่างประเทศ โดยคาดว่าสัดส่วนจากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 20% หลังจากโรงงานในเมียนมาเดินเครื่อง และกรณีที่มีขยายการลงทุนในลาวต่อเนื่อง คาดว่ารายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 50% ในปี 2562

“นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาพันธมิตรในเวียดนาม เพื่อทำโรงไฟฟ้าพลังงานลมและแสงอาทิตย์ และศึกษาธุรกิจสายส่งในกัมพูชา ซึ่งการขยายการลงทุนในต่างประเทศ จะเป็นการกระจายฐานที่มาของรายได้และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ ลดการพึ่งพารายได้จากภายในประเทศเพียงอย่างเดียว” นายเกรียงไกร กล่าว

พร้อมกันนี้ นานเกรียงไกร ระบุว่า บริษัทยังมีเงินทุนพร้อมสำหรับการลงทุนเพิ่มประมาณ 500 ล้านบาท และแม้ว่า อัตราส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) จะอยู่เพียง 0.7 เท่า แต่ยังไม่จำเป็นต้องกู้เงินมาลงทุน

คลิกชมคลิป : SCI กระจายความเสี่ยง ขยายลงทุนต่างประเทศ