หุ้นแรง 1,618 จุด สูงกว่าช่วงโควิด กลุ่มปตท.ยกแผง-ข่าวเปิดเมือง

HoonSmart.com>> หุ้นไทยสุดยอด! ดัชนีตีขึ้นแรงปิด 1,618.59 จุด นิวไฮของปี 63-64 ก่อนช่วงเกิดวิกฤตโควิด วิ่งเร็วกว่าเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกลับไปปกติต้องรอปี 66 ได้ราคาน้ำมันดิบพุ่ง หนุนกลุ่มพลังงานนำโดย PTT ลูกๆ มีข่าวดี OR ซื้อหุ้น 8.8%กลุ่มธุรกิจแฟลช IRPC เข้า SET 50 รอบนี้ ไฟฟ้าตั้งหลักขึ้น AOT เล่นข่าวใกล้เปิดเมือง  นักลงทุน 3 กลุ่ม ต่างชาติ-สถาบัน-บล.ไล่เก็บของกว่า 4 พันล้านบาท เสียงเตือนระวังตลาดพัก บล.ทิสโก้-ทรีนีตี้แนะนำหุ้นเด่น 

ตลาดหุ้นวันที่ 1 มิ.ย. 2564 ร้อนแรงเกินคาด ดัชนีตีทะลุ 1,600 จุดอย่างรวดเร็ว ขึ้นไปยืนปิดที่1,618.59 จุด พุ่งแรง 25 จุด หรือ +1.57% มูลค่าการซื้อขาย 116,037.86 ล้านบาท โดยดัชนีปิดระดับสูงสุดของปี2564 และปี 2563 ซึ่งสูงสุดวันที่17 ม.ค.2563 ปิดที่ระดับ 1,600.48 จุด

ตลาดที่ร้อนแรงมาจากสถาบันไทยซื้อสุทธิ 1,706 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,640.60 ล้านบาท บัญชีบล.ซื้อสุทธิ 1,285.02 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยขายทำกำไร 4,631.82 ล้านบาท

แรงซื้อหุ้นใหญ่เข้ามาตั้งแต่เปิดตลาด เช่นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะ 68 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล นักวิเคราะห์คาดว่าจะทะลุ 70 เหรียญ แม้ว่าตลาดคาดว่าที่ประชุมของ OPEC+ จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตก็ตาม ผสมแรงซื้อหุ้นไฟฟ้า ที่ราคานิ่งมานาน แนวโน้มกำไรดีขึ้นจากความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงหน้าร้อน ทำให้หุ้น ปตท. (PTT) และบริษัทในกลุ่ม ปรับตัวขึ้นแรง ในช่วงบ่าย OR ดีดตัวขึ้นและปิดที่ 32 บาท + 2 บาท หลังเปิดข่าวดี ร่วมถือหุ้นสัดส่วน 8.8% ในกลุ่มธุรกิจแฟลช ผู้ให้บริการ E-commerce สัญชาติไทยแบบครบวงจร และเป็นบริษัทแม่ของ แฟลช เอ็กซ์เพรส ผู้ให้บริการด้านขนส่งเอกชน อันดับ 1 จัดส่งพัสดุต่อวันสูงสุดร่วม 2 ล้านชิ้น ทะยานสู่ยูนิคอร์นตัวแรกของไทย ซึ่งจะหนุนธุรกิจและผลงานของ OR เติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ IRPC ยังติดเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET 50 ในรอบครึ่งหลังของปี 2564 อย่างแน่นอน

ส่วนกระแสขาวการเปิดเมืองในเร็วๆ หลังจากเร่งการกระจายวัคซีน ส่งผลดีต่อธุรกิจบริการ และท่องเที่ยว หุ้น AOT ปิดที่ 64.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ+2.78% และครม.อนุมัติงบผ่านโครงการคนละครึ่ง , ยิ่งใช้ยิ่งได้ กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศผลดีต่อหุ้นกลุ่ม Domestic play รวมถึงหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ยังคงได้รับความสนใจสูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มีการขายทำกำไรระหว่างทาง และมีเสียงเตือนให้ระวังการพักฐานบ้าง เพราะขึ้นมาแรงและเร็วโดยขาดปัจจัยบวกหนุนชัดเจน

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ กล่าวว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาด ในเดือนมิ.ย.จากหลายปัจจัยและการลงทุนระยะสั้น หุ้นที่คาดว่าจะเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET 50 ในครึ่งปีหลัง จะได้รับความสนใจ จากการประเมินครั้งสุดท้ายคาดว่า มี 3 ตัว คือ STGT, IRPC และ STA ซึ่งจะมาแทน VGI, BAM และ TOA ที่คาดว่าจะตกชั้นไปอยู่ในดัชนี SET100 ส่วนหุ้นที่คาดว่าจะเข้าดัชนี SET100 มี 8 ตัว คือ STGT, STARK, M, BLA, RCL, TTA, DCC และ PSL ซึ่งคาดจะมาทดแทน GFPT, WHAUP, MAJOR, PRM, BEC, ORI, AMATA และ STEC ที่คาดว่าจะออกไปจากคำนวณดัชนี

ด้านกลยุทธ์การลงทุนในเดือนมิ.ย.เน้น 3 ธีม คือ 1. หุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลุ้นการฟื้นตัวจากฐานราคาที่ต่ำ แนะนำ BAM, BTS, CPALL และ CPN 2. หุ้นที่แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังจะเติบโตดี แนะนำ ROJNA, SPALI และ TPIPL และ 3. หุ้นที่คาดว่าจะเข้าดัชนี SET50 ในครึ่งปีหลัง แนะนำ STGT  โดยสรุปหุ้นเด่นที่แนะนำคือ BAM, BTS, CPALL, CPN, ROJNA, SPALI, STGT และ TPIPL

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อทิศทางการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกในเดือน มิ.ย.คือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ (NFP) ประจำเดือน พ.ค. หากออกมาในระดับ 6.5 แสนตำแหน่ง หรือต่ำกว่า น่าจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการส่งสัญญาณ QE Tapering ออกไปในการประชุม วันที่ 15-16 มิ.ย.นี้ ในกรณีนี้มีโอกาสที่ดัชนีขึ้นไปหากรอบแนวต้านสูงสุดของเดือนที่ 1,650 จุด ในทางกลับกันแนวรับลึกสุดที่ 1,550 จุด

นายณัฐชาต กล่าวถึงธีมการลงทุนในเดือน มิ.ย.แนะนำผสม เน้นกลุ่มหลัก คือ กลุ่ม Global play โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกและโลจิสติกส์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ HANA, KCE, SMT สำหรับกลุ่มโลจิสติกส์ เน้น LEO, SONIC, WICE

ขณะเดียวกันแนะเก็งกำไรหุ้นที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ และหุ้นธีมเปิดเมือง ซึ่งราคาปรับตัวลงมาลึก จนน่าสนใจ แนะนำ KBANK, BJC, CPN, CRC, MTC และแนะนำให้เพิ่มหุ้นกลุ่ม Low beta อย่างโรงไฟฟ้าเข้ามาในพอร์ต เพื่อที่จะทำให้ความผันผวนของพอร์ตลดลง   และไตรมาส 2 จะเป็นช่วงไฮซีซั่น พร้อมยังมีกำลังการผลิตใหม่ ๆ เข้ามา และไม่มีการปิดซ่อมบำรุงที่สำคัญ จึงคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 จะสามารถเติบโตได้ดี มองหุ้นใหญ่ได้แก่ BGRIM, GPSC และหุ้นกลาง-เล็ก ที่น่าสนใจได้แก่ ACE, SSP, TPCH