HoonSmart.com>>ก.ล.ต. เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่ง “มีนาทรานสปอร์ต” คาดเข้า SET ภายในปี 2564 ขายไอพีโอ 184 ล้านหุ้น พาร์ 0.5 บาท ขยายกองยาน อีก 30 คัน รองรับงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ใช้หมุนเวียนธุรกิจ ชำระหนี้ กด D/E ต่ำลง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% เพิ่มจำนวนรถ อัตราการใช้รถไม่ต่ำกว่า 90% เปิดแผนซื้อกิจการต่อยอดธุรกิจขนส่ง โชว์อัตรากำไรสุทธิไตรมาส 1 ดีขึ้นอยู่ที่ 6.6% มีกำไรสุทธิ 10.1 ล้านบาท
นางสุวรรณา ขจรวุฒิเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีนาทรานสปอร์ต (MENA) เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมเสนอขายหุ้น เพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ที่จำนวน 184 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.5 บาทต่อหุ้น ปัจจุบันได้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 2564
สำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้เงินระดมทุนครั้งนี้ บริษัทมีแผนขยายกองยานรถมิกเซอร์ และรถเทรลเลอร์ เพื่อรองรับการเติบโตของงานโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งโครงการรถไฟทางคู่ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และอื่นๆอีกมาก ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และใช้ชำระหนี้กู้ยืมจากสถาบันการเงินประมาณ 20 ล้านบาท ลดอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.5 เท่า โดยบริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
ส่วนภาพรวมธุรกิจในปี 2564 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 614 ล้านบาท โดยเติบโตจากการเพิ่มกองยานรถ ทำให้บริษัทสามารถรับงานจากโครงการรัฐได้เพิ่มขึ้น และบริษัทยังควบคุมอัตราการใช้รถทั้งหมดให้ไม่ต่ำกว่า 90% โดยการบริหารจัดการจำนวนรถและรอบเที่ยวขนส่ง ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
“รายได้ของเราจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง ตามทิศทางราคาน้ำมัน แต่ไม่ได้หมายความว่ากำไรสุทธิจะลดลงด้วย บางทีบริษัทเจรจากับลูกค้าก่อน เพื่อกำหนดราคาเบื้องต้นไว้ก่อน เนื่องจากต้นทุนบางตัวไม่ได้ไปตามทิศทางน้ำมัน โดยส่วนใหญ่การรับงานของเราจะเป็นสัญญาล่วงหน้า 1-7 ปี มีการประกันรายได้เบื้องต้นไว้ตลอด ทำให้มีรายได้เข้ามาประจำ แต่รายได้หลังครบสัญญาจะสูงกว่ารายได้ที่ประกันไว้แล้วตลอด” นางสุวรรณา กล่าว
ขณะที่กลยุทธ์ของบริษัทฯในปี 2564 มีแผนที่จะเพิ่มกองยานรถอีกประมาณ 30 คัน จากปัจจุบันที่มีรถรถมิกเซอร์อยู่ 466 คัน รถเทรลเลอร์ 75 คัน และรถกึ่งพ่วงอีก 105 คัน โดยมีการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จประมาณ 1.64 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี คิดเป็น 9.2% ของยอดผลิตคอนกรีตทั้งหมดในประเทศ มีรอบขนส่ง 20,990 เที่ยวต่อปี บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจขนส่งเข้าไปในอุตสาหกรรมอื่นๆ อาทิ สินค้าควบคุมอุณหภูมิ สินค้าเฉพาะทางต่างๆ และอื่นๆในอนาคต
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการในประเทศ ที่เกี่ยวกับธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ เพื่อที่จะสามารถต่อยอด หรือเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเดิมได้ โดยบริษัทจะใช้ความชำนาญในการบริหารรถและบริหารคน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันมีเจรจากับพันธมิตรอยู่บางราย
ด้านผลงานในไตรมาส 1/2564 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 152.5 ล้านบาท ลดลง 14.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากการปรับลดค่าขนส่งและค่าบริการตามราคาน้ำมัน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.1 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 13 ล้านบาท แต่มีอัตรากำไรสุทธิดีขึ้นมาอยู่ที่ 6.6% จากระดับ 5.7%ในปีที่ผ่านมา
ส่วนผลประกอบการของบริษัท 3 ปี ย้อนหลัง (ปี 2561-2563) มีรายได้รวมอยู่ที่ 661 ล้านบาท , 693 ล้านบาท และ 614 ล้านบาท ตามลำดับ ในปี 2563 มีผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้การขนส่งติดขัด และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 36 ล้านบาท , 37.6 ล้านบาท และ 34.8 ล้านบาท ตามลำดับ