AIMIRT เดินหน้าเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ลงทุนคลังสินค้า 3 โครงการมูลค่า 2,350 ลบ.

HoonSmart.com>> กองทรัสต์ AIMIRT เดินหน้าเพิ่มทุนครั้งที่ 2 ขยายการลงทุนในทรัพย์สินใหม่มีคุณภาพบนทำเลยุทธศาสตร์ภาคการผลิตและโลจิสติกส์อีก 3 โครงการ จังหวัดสมุทรปราการและระยอง รวมมูลค่าไม่เกิน 2,350 ล้านบาท ดันมูลค่าพอร์ตทรัพย์สินแตะ 10,000 ล้านบาท ขึ้นแท่นกองทรัสต์กลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำในไทย ชี้เทรนด์ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและโลจิสติกส์มีแนวโน้มธุรกิจยังเป็นบวก โควิด-19 กระทบเล็กน้อย

อมร จุฬาลักษณานุกูล

นายอมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ ในฐานะผู้ก่อตั้งทรัสต์และผู้จัดการกองทรัสต์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท (AIMIRT) เปิดเผยว่า นับจากกองทรัสต์ AIMIRT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนม.ค.2561 มูลค่าทรัพย์สินเริ่มต้นรวม 2,140 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดจากการลงทุนเพิ่มเติมในทุกๆ ปี ส่งผลให้ปัจจุบันมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 7,500 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 250% ล่าสุดเดินหน้าเพิ่มทุนครั้งที่ 2 พร้อมขยายการลงทุนในทรัพย์สินใหม่ โดยจะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอาคารคลังสินค้ารวม 3 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 2,350 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยังคงดำเนินนโยบายขยายการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพและมีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงมั่นใจในศักยภาพของกองทรัสต์ และจุดเด่นของกองทรัสต์ AIMIRT ที่เป็นกองทรัสต์ที่บริหารโดยบริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าของทรัพย์สินจึงไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของการลงทุนเพิ่มเติม เนื่องจากสามารถลงทุนในทรัพย์สินที่ดีและมีคุณภาพจากผู้ประกอบการที่หลากหลายได้อย่างอิสระ ช่วยเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยทรัสต์ และยกระดับเป็นกองทรัสต์ในกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศไทย

นายจรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับทรัพย์สินใหม่ที่ AIMIRT ลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 2 ประกอบด้วย 1. กรรมสิทธิ์อาคารคลังสินค้าโครงการทิพย์ 5 และโครงการทิพย์ 8 จังหวัดสมุทรปราการ จากกลุ่มทิพย์โฮลดิ้ง 2. กรรมสิทธิ์อาคารคลังสินค้าโครงการเอ็มเอส แวร์เฮ้าส์ จังหวัดสมุทรปราการ จากบริษัท ทู ไทเกอร์ พร็อพ จำกัด และ 3. สิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปี บนอาคารคลังสินค้าโครงการไทยแทฟฟิต้า จังหวัดระยอง จากบริษัท ไทยแทฟฟิต้า จำกัด โดยทุกโครงการมีอัตราการเช่าพื้นที่ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 เต็ม 100% และมีค่าเช่าอยู่ในระดับที่ดี นอกจากนี้เจ้าของโครงการทุกรายล้วนมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการบริหารอาคารคลังสินค้ามายาวนาน จึงมั่นใจว่าการเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้จะเสริมศักยภาพให้ AIMIRT มีรายได้ที่มั่นคงและสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์

ขณะที่ภาพรวมอัตราการเช่าพื้นที่ทรัพย์สินที่ AIMIRT เข้าลงทุนอยู่ ทั้งคลังสินค้า-โรงงาน คลังห้องเย็น และถังเก็บสารเคมีเหลว ยังคงมีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% ทุกโครงการนับตั้งแต่กองทรัสต์จัดตั้ง แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน แต่ทรัพย์สินในพอร์ตโฟลิโอของ AIMIRT ยังคงมีเสถียรภาพสูง เนื่องจากทรัพย์สินกลุ่มอุตสาหกรรมที่ AIMIRT เข้าลงทุนอยู่ล้วนมีคุณภาพและมีความหลากหลายของประเภทของทรัพย์สิน อีกทั้งยังได้รับอานิสงค์จากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารในประเทศ ซึ่งล้วนเป็นผู้เช่าหลักของ AIMIRT ส่งผลให้มีความต้องการเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการกระจายสินค้าให้กับผู้บริโภคในประเทศ

นายธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งเป็นความท้าทายในธุรกิจทุกภาคส่วน AIMIRT ถือว่าเป็นกองทรัสต์ที่มีผลประกอบการที่น่าประทับใจ พิสูจน์ถึงจุดแข็งของกองทรัสต์ในด้านความมั่นคงสูง โดย AIMIRT มีผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทรัสต์ ที่ผ่านมาในไตรมาสที่ 1/2564 มีรายได้รวม 156 ล้านบาท และกำไรจากการลงทุนสุทธิ 105 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 9% และ 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ และมีอัตราจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2564 อยู่ที่ 0.22 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็น 0.88 บาทต่อหน่วยต่อปี ซึ่งถือเป็นการจ่ายปันผลรายไตรมาสที่สูงสุดและเพิ่มขึ้นทุกไตรมาสอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงคุณภาพทรัพย์สินที่มีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม 100% และความสามารถในการสร้างรายได้ที่ดีอย่างมีเสถียรภาพ

นอกจากนี้ ภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมแล้วเสร็จ จะช่วยเพิ่มศักยภาพแก่ AIMIRT ทำให้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 12 โครงการ มูลค่าทรัพย์สินรวมแตะระดับ 10,000 ล้านบาท โดยมีพื้นที่ให้เช่าอาคารคลังห้องเย็น อาคารคลังสินค้า และอาคารโรงงานรวม เกือบ 270,000 ตารางเมตร และถังเก็บสารเคมีเหลวอีก 85,580 กิโลลิตร และจะสามารถรับรู้รายได้ค่าเช่าและค่าบริการจากทั้ง 3 โครงการใหม่ได้ทันที ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของ AIMIRT และต่อผลตอบแทนของผู้ถือหน่วยทรัสต์ในรูปแบบของเงินปันผล