HoonSmart.com>>บอร์ด SSP ไฟเขียวทุ่มงบ 500 ลบ. เทกฯ โรงไฟฟ้าชีวมวล 9.9 MW ประเมิน IRR 10% สัญญารับซื้อไฟแบบ FiT ราคา 4.5 บาท/หน่วย เริ่มรับรู้รายได้เดือนก.ค.นี้สัดส่วน 49% ส่วนที่เหลือ 51% รอเดือนพ.ค.65 หนุนกำลังผลิตไฟฟ้าปีนี้ทะลุ 200 MW
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกกะวัตต์(MW) โดยซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัท ยูนิ พาวเวอร์ เทค (ยูพีที) ทั้งหมด 100% จากผู้ถือหุ้นของยูพีที รวมถึงสิทธิในการรับชำระหนี้เงินกู้ในส่วนที่ยูพีทียังคงค้างชำระแก่ผู้ถือหุ้นของยูพีทีด้วย มูลค่าลงทุนรวม 500 ล้านบาท คาดว่าจะได้หุ้นจำนวน 119,070 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท คิดเป็นสัดส่วน 49% ภายในเดือนก.ค.2564
ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 123,930 หุ้น สัดส่วน 51% คาดว่าจะโอนแล้วเสร็จภายในเดือนพ.ค.2565 เพื่อให้เป็นไปตามประกาศการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งห้ามมิให้ผู้ผลิตไฟฟ้าที่เป็นนิติบุคคลเปลี่ยนแปลงจํานวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นเดิมเหลือน้อยกว่า 51% ของจํานวนหุ้นทั้งหมด จนกว่าผู้ผลิตไฟฟ้าจะได้จ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วเป็นระยะเวลา 3 ปี
บริษัท ยูนิ พาวเวอร์ เทค ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาดกำลัง 9.9 เมกกะวัตต์ ตั้งอยู่ ณ ตำบลสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา โดยเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในวันที่ 24 พ.ค. 2562 มีระยะเวลาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นจำนวน 20 ปีนับแต่วัน COD
บริษัทฯ คาดว่าการลงทุนในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯและผู้ถือหุ้น เนื่องจากเป็นการลงทุนตามเป้าหมายของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนครบวงกจร ทั้งจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และชีวมวล โดยโครงการดังกล่าวมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับภาครัฐและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว มีผลประกอบการที่ดี ลดความเสี่ยงจากการพัฒนาโครงการไม่สำเร็จ และสามารถรับรู้รายได้ทันที อายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าคงเหลือประมาณ 18 ปี ประกอบกับนโยบายภาครัฐให้การสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอื่นอย่างเต็มที่
“มั่นใจว่าการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลในครั้งนี้จะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทน(IRR) สูงถึง 10% และคาดจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 7 ปี ราคารับซื้อไฟฟ้ารูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ที่ 4.50 บาท/หน่วย โดยขณะนี้เหลือระยะเวลาสัมปทานอีก 18 ปี และการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ SSP สามารถรับรู้รายได้และกำไรจากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้ามาทันที”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า การเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลของ SSP ในครั้งนี้ เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนแบบครบวงจร อีกทั้งบริษัทฯ ยังคงมองหาการลงทุนในทุกรูปแบบที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าต่อไป และจากการลงทุนในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะผลักดันกำลังการผลิตไฟฟ้าในปีนี้ทะลุ 200 เมกะวัตต์ได้ โดยในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ เตรียมที่จะ COD โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ และวินด์ฟาร์มในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 143 เมกะวัตต์ และวางเป้าหมายในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 400 เมกะวัตต์ ผลักดันผลการดำเนินงานสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง