BCPG เล็งซื้อกิจการตปท. เสริมไฟฟ้า ดัน EBITDA โต 30-40%

HoonSmart.com>> “บีซีพีจี” ตั้งเป้า EBITDA ปี 2564 เติบโต  30-40% จากการซื้อกิจการต่างประเทศ  เจรจาอยู่ 2-3 ราย รับรู้รายได้เต็มปี โครงการ Nam San 3B – โครงการ RPV ตั้งงบลงทุน 1.8 หมื่นล้านบาท โชว์กระแสเงินสดแกร่ง 1.1 หมื่นล้านบาท  โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 65 เมกะวัตต์ ไทยอีก 11 เมกะวัตต์ เตรียมเดินเครื่องปีนี้

นายนิวัติ อดิเรก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการ บริษัท บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ปี 2564 เติบโต 30-40% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 3,848.7 ล้านบาท มาจากการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อที่จะสามารถรับรู้รายได้ทันที โดยมองหาการเติบโตจากประเทศอื่นๆมากขึ้น ได้แก่ ประเทศเกาหลี , จีน , ไต้หวัน มาเลเซีย และออสเตรเลีย นับตั้งแต่ต้นปี 2564 ที่ผ่านมา มีเจรจาอยู่ประมาณ 2-3 ราย

นอกจากนี้การเติบโตหลัก  คือการรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการพลังงานน้ำใน สปป.ลาว (Nam San 3B) ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ และโครงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (RPV) ในประเทศไทย 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์

“เรายังคงสร้างการเติบโตของ EBITDA ให้ดีขึ้นต่อเนื่อง ปีก่อนเราเติบโต 30.2% ปีนี้เรามีเป้าที่ 30-40% มองว่าสามารถทำได้ตามเป้า ถึงแม้ว่าถ้าการซื้อกิจการจะล่าช้า แต่เชื่อว่าปีนี้การซื้อกิจการในภาพรวมจะเริ่มดีขึ้นมาก โดยเรายังมีแผนที่ซื้อต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565” นายนิวัติ กล่าว

ขณะที่เงินลงทุนในปี 2564 ตั้งไว้ที่ 18,000 ล้านบาท  ทั้งโครงการเดิมที่กำลังพัฒนาอยู่ และซื้อกิจการในอนาคต ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดและเงินฝากประจำธนาคารพาณิชย์อยู่ประมาณ 11,000 ล้านบาท ในอนาคตยังมีความสามารถที่จะระดมทุนได้เพิ่มอีกมาก ทั้งจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ซึ่งมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ที่ 1.17 เท่า และจากการใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นๆเพิ่มเติม

ทั้งนี้บริษัทมีโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 4 โครงการ จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/2564 จำนวน 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 65 เมกะวัตต์ และอีก 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ จะดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ส่วนในประเทศไทย โครงการพลังงานแสงอาทิตย์จะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2564 เพิ่มอีก 11 เมกะวัตต์

ส่วนโครงการ Nam San 3A และ Nam San 3B ที่บริษัทเพิ่งเข้าควบรวมถือหุ้น 100% ขนาดกำลังการผลิตรวม 114 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า เพื่อไปขายให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ระยะทางรวมประมาณ 124 กิโลเมตร แบ่งออกเป็นที่บริษัทควบคุมและดำเนินการเอง 79 กิโลเมตร ก่อสร้างไปแล้วประมาณ 39% คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2/2565 ส่วนอีก 45 กิโลเมตร ทางฝั่งรัฐบาลเวียดนามจะเป็นดำเนินการเอง ซึ่งบริษัทได้ติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การขนส่งไฟฟ้าสามารถดำเนินการได้ตามแผนที่วางไว้

นอกจากนี้ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่สปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ คิดตามสัดส่วนการถือหุ้น 45% อยู่ที่ 270 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2566 และยังมีโครงการอื่นๆที่อยู่ระหว่างพัฒนาอีก ทั้งในประเทศอินโดนีเซีย ขนาดกำลังการผลิต 24 เมกะวัตต์ และที่ฟิลิปปินส์ อีก 5.6 เมกะวัตต์

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/2564 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,046.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA อยู่ที่ 947.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิลดลง 8.8% มาอยู่ที่ 573.7 เนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่บริษัทยังมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) เติบโตอยู่ที่ 488.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน