เมย์แบงก์-ยูโอบี-เอเซียพลัส เชียร์หุ้นไฟฟ้า หยวนต้าแนะเลี่ยง

HoonSmart.com>> หุ้นใกล้ 1,600 จุด เสี่ยงถูกขายทำกำไร โรงไฟฟ้าอยู่ในช่วงไฮซีซั่น บล.เมย์แบงก์ฯ มองน่าสนใจ ราคาขึ้นช้ากว่าตลาด กำไรดีไตรมาส 2 แนะซื้อ BGRIM เป้า 65 บาท GPSC ที่ 100 บาท ส่วนบล.ยูโอบีฯชอบหุ้นเติบโต GPSC-GULF ปันผลดีต้อง RATCH บล.เอเซียพลัสเชียร์ GPSC-BGRIM-GULF-CKP ส่วน RATCH-EGCO ปันผลสม่ำเสมอ ด้านบล.หยวนต้า แนะเลี่ยงกลุ่มไฟฟ้า ต้นทุนก๊าซขึ้น กระทบกำไร  แนะซื้อกลุ่มส่งออก โตดีกว่า ชูหุ้นเด่น NYT-HANA-KCE-NER

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นในช่วงขาขึ้น ดัชนีใกล้บริเวณ 1,600 จุด ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกแรงเทขาย โดยกลุ่มโรงไฟฟ้ามีความน่าสนใจ ด้วยราคาหุ้นยังปรับขึ้นช้ากว่าตลาดมาก แนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/2564 มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น เริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าร้อน ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้น ทั้งภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม แนะนำหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้แก่ BGRIM ราคาเป้าหมาย 65 บาท และ GPSC ที่ราคาเป้าหมาย 100 บาท

“ราคาหุ้นกลุ่มไฟฟ้า ไม่ค่อยขยับขึ้น เนื่องจากไม่มีปัจจัยโดดเด่นเข้ามาหนุน ทั้งแนวโน้มค่าเงินบาทที่ยังแกว่งตัว ไม่อ่อนค่า และไม่แข็งค่า โดยปกติแล้วหากเงินบาทแข็งค่า กลุ่มโรงไฟฟ้าจะได้ประโยชน์ เนื่องจากมีเงินกู้ที่เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐค่อนข้างมาก อีกทั้งนโยบายพลังงานในการใบอนุญาตใหม่ๆ ยังไม่มีเพิ่มเข้ามา แต่ถ้ามองถึงแนวโน้มกำไรกลุ่มนี้ค่อนข้างที่มีความผันผวนน้อยที่สุด หรือไม่มีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เลย ถ้ามีปัจจัยบวกเข้ามา เชื่อว่าราคาจะวิ่งขึ้นไปแน่นอน” นายวิจิตร กล่าว

ด้านนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า กลุ่มโรงไฟฟ้าจะมีการผลิตไฟฟ้าได้ดีที่สุดตามฤดู (High Season)ในไตรมาส 1 และ 2 ช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ปลาย High Season จึงต้องเลือกรายตัวที่มีปัจจัยบวก หรือการเติบโตเฉพาะตัว โดยแนะนำ GPSC ที่ราคาเป้าหมาย 85 บาท และ GULF ที่ราคาเป้าหมาย 41 บาท ส่วนนักลงทุนที่ชอบหุ้นปันผลดีและราคายัง Laggard แนะนำ RATCH ที่ราคาเป้าหมาย 76 บาท

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบัน ภาครัฐจะเปิดประมูลโครงการในประเทศมีโอกาสน้อยมาก เนื่องจากกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองยังมีมากพอสมควร ทำให้การเติบโต ส่วนใหญ่จะมาจากต่างประเทศมากกว่าในประเทศ

บล.เอเซียพลัสมองหุ้นโรงไฟฟ้า มีแรงหนุนจากผลประกอบงวดไตรมาสที่ 2/2564 คาดจะปรับตัวดีขึ้นตามช่วงฤดูกาล ซึ่งเป็นไปตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นเป็นปกติในช่วงฤดูร้อนของทุกปี รวมถึงฝนที่เริ่มตกตามช่วงฤดูฝนถือเป็นปัจจัยบวกต่อผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โดยภาพรวมยังคงสอดคล้องกับมุมมองและประมาณการของฝ่ายวิจัย

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นของกลุ่มโรงไฟฟ้าเกือบทุกตัวปรับฐานลง จนเห็น upside ค่อนข้างจูงใจ คาดว่าน่าจะมีกระแสเข้ามาเก็งกำไรในช่วงสั้น ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำซื้อ GPSC ราคาเป้าหมาย 82 บาท BGRIM 52 บาท GULF 38.50 บาท และ CKP 6.15 บาท ส่วนโรงไฟฟ้าที่เน้นปันผลสม่ำเสมอแนะนำ RATCH 65 บาท EGCO 230 บาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นโรงไฟฟ้ายังคงมีแรงกดดันจากต้นทุนราคาก๊าซที่ เพิ่มขึ้น  อาจจะทำให้กำไรทรงตัว อีกทั้งนโยบายพลังงานจากทางภาครัฐที่ยังไม่มีเพิ่มเข้ามา จึงยังไม่แนะนำการลงทุน ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดก็ตาม

ทั้งนี้แนะนำกลุ่มส่งออกดีกว่า จากตัวเลขการส่งออกที่ออกมาดี  คาดว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากประเทศสหรัฐและยุโรป เริ่มกลับมาเปิดประเทศมากขึ้น โดยแนะนำหุ้นกลุ่มส่งออก ได้แก่ NYT , HANA , KCE และ NER