CGS เชื่อ “สายพันธุ์อินเดีย” ไม่มีผลต่อตลาดมาก ให้น้ำหนักวัคซีน

HoonSmart.com>> บล.คันทรี่ กรุ๊ป มอง “สายพันธุ์อินเดีย” ไม่มีผลต่อตลาดมากนัก ให้น้ำหนัก Vaccine มากกว่า คงคำแนะนำ “ทยอยสะสม” หุ้นได้ประโยชน์เปิดเศรษฐกิจ

บริษัทหลักทรัพย์คันทรี่ กรุ๊ป (CGS) ประเมินสถานการณ์ COVID-19 ภายในประเทศที่ล่าสุดพบเจอสายพันธุ์จากอินเดียและแอฟริกาใต้อาจสร้างแรงกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยบ้าง แต่ไม่ได้มองว่าจะสร้างแรงกดดันอย่างมีนัยยะ เนื่องจากเชื่อตลาดจะให้น้ำหนักกับการมาของ Vaccine ข้อมูลล่าสุดจากทาง ศบค. ในวันศุกร์ระบุว่าตั้งแต่ 7 มิ.ย. 21 เป็นต้นไปจะกำหนดให้ Vaccine เป็นวาระแห่งชาติเบื้องต้นกำหนดเป้าหมายฉีด Vaccine วันละ 8.6 แสนคน / วัน (ทั้งประเทศ) สำหรับข้อมูลการฉีด Vaccine ในอดีตของประเทศไทยพบว่าปริมาณ Dose สูงสุดต่อวันอยู่ที่เพียง 1.6 แสนโดสหรือ 1.6 แสนคน / วัน

ดังนั้นเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้ข้างต้นเป็นเป้าหมายที่ค่อนข้างสูง แต่ถึงกระนั้นเราก็มองว่าเป็นเรื่องดีที่ภาครัฐกลับมาจริงจังเรื่องของ Vaccine แม้จะตั้งเป้าสูงก็ตาม

บล.คันทรี่ คงมุมมองเดิมคือเชื่อ Domestic Outperform ในครึ่งปีหลังตามการควบคุมผู้ติดเชื้อที่จะดีขึ้นรวมไปถึงการกระจาย Vaccine และปี 22 เชื่อจะเป็นปีแห่งการค่อยๆฟื้นตัว ด้านราคาหุ้นปัจจุบันมองว่าสะท้อนปัจจัยลบจากการระบาดรอบสามและงบที่จะอ่อนแอในช่วง 2Q21 ไปแล้วจึงคงมุมมองทยอยสะสมเช่นเดิม (ค้าปลีก ร้านอาหาร ศูนย์การค้า สนามบิน รถไฟฟ้า สื่อนอกบ้าน)

สำหรับปัจจัยสัปดาห์นี้ได้แก่ (1) ตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำเดือน เม.ย. Bloomberg คาดมูลค่าส่งออกและนำเข้าเติบโต 10%YoY และ 22.6%YoY หากออกมาดีกว่าคาดจะช่วยให้บรรยากาศการลงทุนเป็นบวกมากขึ้น (2) การประกาศ GDP 1Q21 ของสหรัฐในวันพฤหัส Bloomberg ประเมิน +6.5%QoQ เราเชื่อว่าตลาดอยากเห็นตัวเลขที่ใกล้เคียงคาดหรือต่ำกว่าคาดเพื่อเป็นแรงหนุนให้ FED ยังดำเนินนโยบายผ่อนคลายต่อไป

กลยุทธ์การลงทุน คงคำแนะนำทยอยสะสม ค้าปลีก (BJC CPALL CRC HMPRO) ร้านอาหาร (M) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ศูนย์การค้า (CPN) รถไฟฟ้า (BEM BTS) เครื่องดื่ม (TACC) ส่วนเก็งกำไรระยะสั้นยังมองหุ้นอิงรายได้ต่างประเทศเป็นหลักน่าสนใจกว่า (ASIAN MEGA MINT IVL TU) Global Play (PTT PTTEP PTTGC) รับเหมาก่อสร้าง (CK STEC) สัปดาห์นี้จะมีการประมูลรถไฟรางคู่บ้านไผ่ – นครพนม

MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 36 บาท) มีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วง 2H21 ที่จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากการกลับมาเติบโตในฝั่งยุโรป โดยบริษัทมีรายได้รวมจากฝั่งยุโรปสูงสุดราว 55%

JKN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 13.9 บาท) รายงานกำไรสุทธิ 1Q21 ที่ 100 ล้านบาท (+106%YoY +5%QoQ) เป็นจุดสูงสุดใหม่จากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 47.8% จากค่าตัดจำหน่ายที่ลดลงตามสัญญาการให้บริการคอนเทนต์ที่ถูกยืดระยะเวลาออกไป เพื่อช่วยเยียวยาผู้ประกอบการในช่วงโควิด-1