KTC รับโอนหุ้นลีสซิ่งแล้ว 50% พอร์ตเพิ่มพรวดไตรมาส 2/64

HoonSmart.com>> ธนาคารกรุงไทยรับทรัพย์ 297 ล้านบาท ขายหุ้น”กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง” ให้บริษัทบัตรกรุงไทยล็อตแรก 50% ส่วนที่เหลือ 25.05% รอขายเดือนพ.ย.นี้ บล.เอเซีย พลัส มองหุ้นกลุ่มจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์แข่งขันสูง คาดสินเชื่อเติบโต แนะ “ซื้อ” MTC เป้า 80 บาท SAWAD 95 บาท ด้าน TIDLOR แนะรอซื้อเมื่ออ่อนตัว เป้า 44 บาท

ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ธนาคารได้โอนกรรมสิทธิ์ในหุ้นของบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (KTBL) จำนวน 75.05 ล้านหุ้น สัดส่วน 50% ให้กับบริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) และได้รับชำระเงินทั้งสิ้น 297.198 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2564

ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 25.05 % อาจมีการปรับราคาซื้อขายหุ้น ภายหลังการตรวจสอบกิจการตามเงื่อนไขคาดเสร็จสิ้นภายในเดือนพ.ย. 2564

ทั้งนี้ บริษัทบัตรกรุงไทยจะซื้อหุ้นจำนวน 75 ล้านหุ้น คิดเป็น 75.05%  ในราคาหุ้นละ 7.92 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 594.39 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการกรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง ถือว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจ เพราะเป็นการเข้าสู่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกัน แม้จะมีผลตอบแทนต่ำกว่าสินเชื่อไม่มีหลักประกันประมาณ 1-2% แต่ความต้องการสินเชื่อในระบบยังมีมาก เชื่อว่าจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้พอร์ตที่โอนมาจะมีลูกหนี้ที่เป็นลูกหนี้ดีประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท ซึ่งในงบไตรมาส 2 จะเป็นครั้งแรกที่รวมพอร์ตของ กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง

ด้านราคาหุ้น KTC ปิดที่ 76 บาท บวก 5.25 บาท คิดเป็น 7.42% สวนทางตลาดหุ้นโดยรวม -2.10 จุด เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2564 ที่ผ่านมา

บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส (ASPS) ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มจำนำทะเบียน ภาพรวมมีการแข่งขันรุนแรงขึ้นในสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ ส่วนสินเชื่อประเภทอื่นการแข่งขันไม่รุนแรงมากนัก นำโดยบริษัทเงินสดทันใจ ซึ่ง SAWAD ถือหุ้น 49% ตั้งเป้าสินเชื่อถึง 5,000 ล้านบาท จากการออกโปรโมชั่นสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ให้ลูกค้าใหม่ที่มีเอกสารการเงินดี ในช่วงพ.ค.-มิ.ย. 64 ที่อัตราดอกเบี้ยราว 11% (แต่มีเงื่อนไข เช่น หากไม่ส่งค่างวด 1 เดือน อัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 18% เป็นต้น)

ขณะที่ MTC ก็ออกโปรโมชั่นให้ลูกค้าทุกรายในอัตราดอกเบี้ย 15% ในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. 64 ส่วนTIDLOR ไม่ได้มีการแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการเติบโตของสินเชื่อในปี 2564 ตามการขยายสาขาและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากกว่า ซึ่งก็เห็นการเติบโตที่ดีตั้งแต่ต้นปี 2564

ฝายวิจัยบล.เอเซียพลัสประเมินว่าราคาหุ้นในกลุ่มปรับฐานสะท้อนความกังวลด้านการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นไปมากแล้ว นำโดยราคาหุ้น SAWAD ปรับลดลงถึง 22% ในรอบ 1 เดือน MTC ปรับลดลงถึง 20% และ TIDLOR ลดลง 23% จากราคาสูงสุดตั้งแต่ IPO โดยฝ่ายวิจัยเลือก MTC ราคาเหมาะสม 80 บาท เป็น Top pick จากแนวโน้มกำไรสุทธิปี 2564 จะเพิ่มขึ้น 15.2%  จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิเติบโต 20% เทียบกับปี 2563 โดยยังแนะนำซื้อ SAWAD ราคาเหมาะสม 95 บาท และแนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว TIDLOR ราคาเหมาะสม 44 บาท