CPN ทุ่ม 1.38 หมื่นลบ. ร่วมทุนพัฒนา “มิกซ์ยูส” บนที่ดินสถานฑูตอังกฤษ

HoonSmart.com>> “เซ็นทรัลพัฒนา” ทุ่มงบไม่เกิน 13,873 ล้านบาท ร่วมทุนฮ่องกงแลนด์ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม บนที่ดินที่เข้าซื้อจากสถานฑูตอังกฤษ ระหว่างถนนวิทยุและซอยสมคิด คาดใช้เวลาประมาณ 5 ปี แล้วเสร็จปี 2569 ด้านงบไตรมาส 1/64 กำไรสุทธิ 3,835 ล้านบาท ลดลง 16% ผลกระทบโควิด-19 ตั้งเป้ารักษารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ตามแผนธุรกิจ 5 ปี

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการร่วมลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมบริเวณถนนวิทยุและซอยสมคิด กรุงเทพมหานคร ด้วยการเข้าร่วมลงทุนผ่าน CE Holding ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทฯ และบริษัท ห้างเซ็นทรัล ดีพาทเมนท์สโตร์ จำกัด (HCDS) ในสัดส่วนการถือหุ้น 49% และ 51% ตามลำดับ) ซึ่งจะทำให้การถือหุ้นใน CHKL มีสัดส่วนการถือหุ้นระหว่าง บริษัทฯ HCDS และ HKL (Thai Development) เป็น 25:26:49 ตามลำดับ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม คิดเป็นมูลค่าการลงทุนในส่วนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 13,873 ล้านบาท

โครงการดังกล่าว ประกอบด้วยโครงการศูนย์การค้าจำนวน 1 อาคาร สูง 8 ชั้น พื้นที่รวมประมาณ 70,000 ตารางเมตร และโครงการอาคารสำนักงานจำนวน 2อาคารสูง 36 ชั้น พื้นที่รวมประมาณ 140,000 ตารางเมตร คิดเป็นมูลค่าการลงทุนในส่วนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 13,873 ล้านบาท โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการพัฒนาประมาณ 5 ปี และจะแล้วเสร็จภายในปี 2569

ทั้งนี้ ตามที่ในปี 2561 บริษัท เซ็นทรัล แอนด์ ฮ่องกงแลนด์ จำกัด (CHKL) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท ซีอี โฮลดิ้ง จำกัด (CE Holding) (บริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล) และบริษัท เอชเคแอล (ไทยดีเวลลอปเม้นท์) จำกัด (HKL (Thai Development)”) (บริษัทในกลุ่มฮ่องกงแลนด์) ในสัดส่วนการถือหุ้น 51% และ 49% ตามลำดับ ได้เข้าซื้อที่ดินสถานทูตอังกฤษ ตั้งอยู่ระหว่างถนนวิทยุและซอยสมคิด กรุงเทพมหานคร จำนวนเนื้อที่ดินรวมประมาณ 23 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม

ด้านผลการดำเนินงาน CPN งวดไตรมาส 1/2564 กำไรสุทธิ 3,834.66 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.85 บาท ลดลง 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4,591.99 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.03 บาท

บริษัทฯ ได้เตรียมแผนธุรกิจประจำปี 2564 ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการประมาณการที่ยังมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในรอบปัจจุบันอยู่ โดยบริษัทฯ มีการติดตามผลการดำเนินงานในแต่ละไตรมาสอย่างต่อเนื่อง พร้อมปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับตามสภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา หากสามารถควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ได้ในที่สุด บริษัทฯ คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของรายได้ที่ค่อนข้างรวดเร็วและแข็งแกร่งเหมือนกับช่วงครึ่งหลังของปี 2563

ประกอบกับความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งจะส่งเสริมให้การบริโภคและการท่องเที่ยวฟ้นตัวขึ้นได้และจะช่วยสนับสนุนธุรกิตของบริษัทฯ ให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ในปี 2564 จะมีศูนย์การค้าใหม่เปิดให้บริการเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ซึ่งจะช่วยทำให้รายได้เติบโตต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตามดีบริษัทฯ มีความพร้อมในการปรับแผนดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ

บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายทำงธุรกิจในระยะ 5 ปี(ปี 2564-2568) โดยจะรักษาอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อปีให้ใกล้เคียงกับแผนเดิมที่ตั้งไว้ประมาณ 10% จากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม(Mixed-use Development) แห่งใหม่ รวมถึงการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่าและพัฒนาโครงการที่พักอาศัย โครงการโรงแรมและอาคารสำนักงาน

ทั้งนี้ ส่วนที่ประกาศแผนการพัฒนาแล้วและส่วนที่ยังไม่ได้ประกาศและได้เตรียมความพร้อมด้านการฐานะการเงิน รักษากระแสเงินสดและสภาพคลองให้เพียงพอต่อการรองรับการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาพแสดล้อมที่ท้าทายจากการแพร่ระบาด COVID-19 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว