TRUE ขาดทุนพุ่งแตะ 581 ลบ. Q1/64 ต้นทุน 5G เพิ่ม-ขาดทุนค่าเงิน

HoonSmart.com>> “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ไตรมาส 1/64 ขาดทุนสุทธิเพิ่มแตะ 581 ล้านบาท จากงวดปีก่อนขาดทุน 161 ล้านบาท เหตุต้นทุนคลื่น 5G ขาดทุนค่าเงินกว่า 131 ล้านบาท ด้านรายได้รวมยังโต 1.7% อยู่ที่ 35,425 ล้านบาท

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2564 ขาดทุนสุทธิ 581.41 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.02 บาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 161.18 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.005 บาท

กลุ่มทรูมีรายได้รวม 35,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการเติบโตจากรายได้จากการให้บริการและรายได้จากการขายดีไวซ์ โดยรายได้จากการให้บริการโดยรวมเป็น 26,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.1% จากงวดเดียวกันในปีก่อน ด้วยฐานผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตที่เติบโตแข็งแกร่ง

ขณะที่เทียบไตรมาส 4/2563 ลดลงเกิดจากผลกระทบตามฤดูกาลของรายได้จากการการขายดีไวซ์และรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักที่สูงในไตรมาส 4 หากไม่รวมรายการเหล่านี้ รายได้จะทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ ทรูมูฟ เอช มีจำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิ 5.81 แสนราย และรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการรวมต่อเดือน (Blendes ARPU) เป็น 213 บาทในไตรมาส 1/2564 โดยขยายฐานผู้ใช้บริการรวมเป็น 31.2 ล้านราย แบ่งเป็นกลุ่มลูกค้าระบบเติมเงิน 21 ล้านราย และกลุ่มลูกค้าระบบรายเดือน 10.2 ล้านรายหนุนโดยการมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าคุณภาพและการเปลี่ยนจากระบบเติมเงินเป็นรายเดือน

ส่วนธุรกิจการให้บริการบอดแบนด์ บริการอินเทอร์เน็ตและสื่อสารข้อมูลธุรกิจ มีรายได้เพิ่มขึ้น 10.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยทรูออนไลน์ มีจำนวนผู้ใช้บริการสุทธิ 1.01 แสนรายในไตรมาส 1/2464 ขยายฐานผู้ใช้บริการเป็น 4.3 ล้านราย และมี ARPU ทรงตัวที่ 532 บาท

ด้านการบริการของทรูวิชั่นส์ รายได้ถูกกระทบจากโควิด-19 และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปใช้งานสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์ม OTT ส่งผลให้รายได้จากค่าสมาชิกและค่าติดตั้งอ่อนตัวเป็น 1.6 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 61% ของรายได้จากการให้บริการของทรูวิชั่นซึ่งทรงตัวจากไตรมาสก่อน

การให้ความสำคัญกับการขยายฐานลูกค้าคุณภาพและมาตรการบริหารโครงสร้างต้นทุนให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 6% และขาดทุนจากการขายสินค้าสุทธิลดลงกว่าครึ่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 14.1 พันล้านบาท

ขณะที่การเพิ่มขึ้นของต้นทุนใบอนุญาตการใช้งานคลื่นความถี่ 5G และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 137 ล้านบาท จากงวดปีก่อนกำไรจำนวน 357 ล้านบาท รวมถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนใบอนุญาตการใช้งานคลื่นความถี่ 5G ซึ่งกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสแรกปี 2564

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 28.2% ในไตรมาส 1/2564 เทียบกับ 26.3% ในไตรมาส 4/2563 และ 26.5% ในไตรมาส 1/2563 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการบริหารค่าใช้จ่ายและ productivity ทั่วทั้งองค์กร อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตรากำไรสุทธิเป็น 0.7% และติดลบ 1.6% ตามลำดับ ซึ่งถูกกดดันจากขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาตการใช้งานคลื่นความถี่ของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่