“ดัชนีดาวโจนส์” ปิดบวกเล็กน้อย ได้แรงหนุนจากผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนกว่า 80% ที่ประกาศออกมากำไรสูงกว่าคาด ด้านราคาน้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 52 เซนต์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์(Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 6 สิงหาคม ที่ 25,502.18 จุด เพิ่มขึ้น 39.60 จุด หรือ 0.16 % เพราะนักลงทุนได้รับแรงหนุนด้านจิตวิทยาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นอุปโภคบริโภค แม้ยังมีความกังวลต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ตึงเครียดมากขึ้น
สัดส่วน 80% บริษัทจดทะเบียนที่รายงานผลการดำเนินงานมาแล้วมีผลกำไรสูงกว่าคาดซึ่งหากสัดส่วนนี้รักษาระดับหรือยืนเหนือ 80% ได้ก็จะเป็นสถิติใหม่ของบริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงานดีเกินคาดนับจากปี 2008
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจีนแถลงว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐมูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ในอัตรา 5-25%
หุ้นเฟซบุ๊คเพิ่มขึ้น 4.45%
หุ้นเบิร์กไชร์แฮทะเวย์เพิ่มขึ้น 2.34% จากผลการดำเนินงานที่ดีเกินคาด หุ้นไทสันฟู้ดส์เพิ่มขึ้น 3.27 %
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,850.40 จุด เพิ่มขึ้น 10.05 จุด,+0.35%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,859.68 จุด เพิ่มขึ้น 47.66 จุด,+0.61%
ทางด้านตลาดยุโรปปิดลบจากความวิตกต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ที่จะกระทบต่อการค้าโลกหลังจากทั้งสองฝ่ายเริ่มดำเนินการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันแล้ว จากที่พูดตอบโต้กันไปมา
ตลาดลอนดอนปิดบวกแม้มีความกังวลต่อผลที่จะเกิดขึ้นจากการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป(BREXIT) หลังจากเลขาธิการค้าสากลของอังกฤษให้ความเห็นว่ามีความเป็นไปได้ถึง 60%ที่อังกฤษจะย่ำแย่หลังออกจากอียู หากไม่มีการเจรจาการค้าไว้ เนื่องจากความเห็นดังกล่าวทำให้ค่าเงินปอนด์อ่อนค่าลง
ค่าเงินปอนด์อ่อนค่ามาที่ 1.2946 หรือ 0.0155% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,663.78จุด เพิ่มขึ้น 4.68 จุด, +0.06%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 388.66จุด ลดลง 0.50 จุด, -0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,477.18 จุด ลดลง 1.80 จุด,-0.03%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,598.21จุด ลดลง 17.55 จุด, -0.14%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 52 เซนต์ ปิดที่ 69.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 54 เซนต์ ปิดที่ 73.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล