BGRIM กำไร 611 ลบ. Q1/64 เติบโต 654%

HoonSmart.com>> “บี.กริม เพาเวอร์” เปิดกำไรไตรมาส 1/64 จำนวน 611 ล้านบาท พุ่งกระฉูด 654% จากงวดปีก่อน

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2564 กำไรสุทธิ 610.96 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.20 บาท เติบโต 654.3% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 80.71 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.01 บาท และเติบโต 6.1% จากไตรมาสก่อน

ทั้งนี้ หากไม่รวมกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง กำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 646 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสก่อน 25.2% แต่ลดลง 5.3% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน (ด้วยการปรับตัวดีขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้าสำหรับภาคอุตสาหกรรม (SPP) แต่มีผลการดำเนินงานที่ลดลงจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนาม เนื่องจากการบันทึกดอกเบี้ยจ่าย หลังสิ้นสุดระยะเวลาเครดิตตามสัญญาด้านวิศวกรรม จัดหาอุปกรณ์และก่อสร้าง (EPC) และการลดปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าชั่วคราว)

ด้านต้นทุนขายและการให้บริการลดลงเหลือ 8,127 ล้านบาท หรือ -8.8% จากงวดปีก่อนอยู่ที่ 8,911 ล้านบาทและค่าใช้จ่ายลดลงเหลือ 8,539 ล้านบาท หรือ -9% จากงวดปีก่อนอยู่ที่ 9,387 ล้านบาท

บริษัทฯ มีรายได้จากการขายจำนวน 10,453 ล้านบาท ลดลง 6.9% จากงวดปีก่อนอยู่ที่ 11,223 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1) ราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงจากงวดปีก่อน 17.4% ซึ่งทำให้อัตรากำไรเพิ่มขึ้นแม้ว่าค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment) ลดลง และ 2) รายได้ที่ลดลงจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม เนื่องจากความเข้มแสงที่ลดลง และการลดปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าในเดือน ม.ค. – ก.พ. 2564 ซึ่งปริมาณการรับซื้อฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญแล้วในเดือน มี.ค. 2564

ในทางตรงกันข้ามรายได้จากการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 2.9% จากงวดปีก่อน จากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และการเชื่อมเข้าระบบของลูกค้าอุตสาหกรรมรายใหม่ ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 10.3 เมกะวัตต์ ในไตรมาส 1/2564 หรือ 34.0 เมกะวัตต์ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ray Power 39 เมกะวัตต์ ในประเทศกัมพูชา เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรกจำนวน 37 ล้านบาท หลังการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือน ธ.ค. 2563

บริษัทฯ คาดการณ์ปี 2564 ปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมในประเทศไทย คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10-15% จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าใหม่ไม่น้อยกว่า 40 เมกะวัตต์ รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามที่คาดว่าจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 2/2564 หลังจากความต้องการใช้ไฟมีแนวโน้มฟื้นตัว และประเด็นการลดปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าได้รับการแก้ไข โดยปริมาณการรับซื้อได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เดือน มี.ค. เป็นต้นมา

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตรวมของโครงการใหม่ไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายในปีนี้ทั้งจากโครงการที่ก่อสร้างใหม่และการเข้าซื้อกิจการ โดยคงเป้าหมายการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 7,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568