STARK กำไร 438 ล้านบ. โตแรง 67.9%

HoonSmart.com>>STARK โชว์ไตรมาส 1/64 กำไร 438 ล้านบาท โต 67.9% รายได้โตแรง 54% ผลจากการซื้อโรงงานเวียดนาม-กลุ่มสินค้ามาร์จิ้นสูง  ต้นทุนผลิตลด  ดันอัตราส่วนกำไร (Net profit margin) ขยับขึ้นมาอยุ่ 7.9% เกาะติดราคาทองแดงใกล้ชิด รอบคอบ ไม่เก็งกำไร

 

บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 1/2564 กำไรสุทธิ 438.07 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.036 บาท เพิ่มขึ้น 177.14 ล้านบาท หรือ 67.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไร 260.93 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.021 บาท

บริษัท ฯ ชี้แจง การเติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจาก รับรู้ผลประกอบการลงทุนที่เวียดนาม ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2563 ส่งผลให้รายได้หลักไตรมาสที่ 1 /2564 เท่ากับ 4,655 ล้านบาท หรือเติบโต  54.1% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 3,022 ล้านบาท

นอกจากนี้ การมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง (High margin product) โดยเฉพาะกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลางจนถึงระดับสูงพิเศษ (Medium – Extra High Voltage) ที่
มีการเติบโตสูงเพื่อรองรับโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้กำไรสุทธิของ บริษัทฯ ไตรมาสที่ 1 / 2564 เท่ากับ 441 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.8% จาก 263 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1 ปี 2563

อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 1/64 ราคาทองแดงปรับขึ้นต่อเนื่อง เฉลี่ยเดือนมี.ค. 2564 อยู่ที่ประมาณ 9,000 UDS per ton เพิ่มขึ้นจาก 8,000 UDS per ton ในเดือนม.ค. 2564
คาดการณ์ว่า ราคาทองแดง จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากอุปสงค์ (Demand) ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนและรถยนต์ไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น

ไ่ตรมาส 1/64 ได้รับผลกระทบเล็กน้อย จากราคาทองแดง และบริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์ทองแดงอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ราคาทองแดงซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก กระทบต่อมาร์จิ้นของบริษัทฯ โดยบริษัท ฯ มีนโยบายการบริหารแบบ Pass-through หรือ Cost-plus strategy ซึ่งคำสั่งซื้อส่วนใหญ่ มีการกำหนดราคาวัตถุดิบ และจำนวนที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น ไม่ให้มีการเก็งกำไรจากราคาวัตถุดิบ (No speculation) และลงบัญชีอย่างรอบคอบ – ระมัดระวัง  ดังนั้น สินค้าคงเหลือและวัตถุดิบ จะแสดงมูลค่าตามราคาทุนเท่านั้น ไม่มีการปรับมูลค่าตามราคาตลาด (Mark-to-Market)

ด้านต้นทุนผลิตปรับลดลง จากนโยบายใช้กำลังผลิตโรงหลอมในเวียดนาม ซึ่งมี
ข้อได้เปรียบเรื่องค่าไฟ และค่าแรงขั้นต่ำ บริษัทฯ จึงได้ส่งแผ่นทองแดง (Copper cathode) ไปยัง DVN เพื่อใช้ในการหลอมและแปรรูปเป็นทองแดงเส้น (Copper rod) ก่อนนำมาใช้ในกระบวนการผลิตต่อในประเทศไทยและเวียดนาม ส่งผลให้ต้นทุนผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 16.6% ในไตรมาส 1/2564 จาก 14% ในช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากการเน้นกลุ่มสินค้า High Margin ตลอดจนการนโยบายในการควบคุม
ต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการร่วมกันของกลุ่มบริษัทอย่างมีระบบ

net profit ในไตรมาสที่ 1 /2564  เท่ากับ 368 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197 ล้านบาท หรือ  86.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน  และมีอัตราส่วนกำไร (Net profit margin) เท่ากับ 7.9% เพิ่มขึ้นจาก 6.5% ในไตรมาสที่ 1 / 2563 โดยปกติในไตรมาสที่ 1ของทุกปี บริษัทฯ จะมีผลประกอบการน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นในปีตามภาวะอุตสาหกรรมปกติดังเช่นในประเทศเวียดนาม จะมีวันหยุดยาวตามประเพณีมากกว่า 2 สัปดาห์ ในช่วงเดือนมกราคมหรือกุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นต้น

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ตระหนักและเตรียมการ เพื่อจำกัดผลกระทบ และบริหารจัดการผลประกอบการโดยรวมให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

อ่านข่าว

 

“เครดิต สวิส” ชู STARK แข็งแกร่งกว่าตลาด เชียร์ “ซื้อ” คงเป้า 6 บาท