TU โกยกำไร 1.8 พันลบ. พุ่ง 77% Q1/64 สูงเกินคาด แห่เพิ่มเป้า

HoonSmart.com>>”ไทยยูเนี่ยน” มุ่งสู่การโตยั่งยืน เปิดผลงานในช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ ยอดขายทรงตัว กำไรขั้นต้นโต 9.3%  จากธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งฟื้นตัว โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า กวาดยอดขายเพิ่ม 20.8%  บริหารจัดการต้นทุนที่ดี ได้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา บล.ฟินันเซียไซรัส มองกำไรสูงกว่าตลาดคาด เตรียมปรับประมาณการกำไรและราคาเป้าหมาย ปัจจุบันให้ไว้ 20 บาท 

บริษัท ไทยยูเนี่ยน (TU) รายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 1,802.89 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.37 บาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 786.67 ล้านบาทหรือ 77.43% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 1,016 ล้านบาท หรือ 0.20 บาทต่อหุ้น  โดยมียอดขาย 31,125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.0% กำไรขั้นต้น 5,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3%

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงยืนหยัดได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงเชื่อมั่นและความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาสินค้าอาหารที่ดีต่อสุขภาพรวมถึงอาหารสัตว์เลี้ยง แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะยังคงส่งผลทั่วโลกก็ตาม

“ เรามี 15 แบรนด์ ฐานการผลิต 14 แห่ง สำนักงานอีก 10 แห่ง และทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ใน 16 ประเทศทั่วโลก หัวใจสำคัญคือความสามารถที่จะปรับตัวได้อย่างทันท่วงทีเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และไม่ใช่เพื่อให้ธุรกิจดำเนินได้อย่างต่อเนื่องเท่านั้น แต่จะต้องสามารถเติบโตได้อีกด้วย  ทำให้ทุกคนเกิดความเชื่อมั่น ตั้งแต่พนักงานของบริษัทฯ คู่ค้า ไปจนถึงผู้บริโภคว่าไทยยูเนี่ยนมีความสามารถที่จะตอบโจทย์ทุกฝ่ายได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม” นายธีรพงศ์กล่าว

ในไตรมาสแรกปี 2564 ธุรกิจอาหารแช่แข็งฟื้นตัว ยอดขายเพิ่มขึ้น 10.3%อยู่ที่ 12,076 ล้านบาท ทำผลงานได้ดีในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งภาคธุรกิจบริการอาหารมีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นมาก นอกจากนี้สหรัฐอเมริกายังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในธุรกิจของไทยยูเนี่ยน

ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 20.8% อยู่ที่ 5,469 ล้านบาท  ถึงแม้ว่าธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องจะมียอดขายลดลง 13.1% อยู่ที่ 13,580 ล้านบาท ผู้บริโภคมีการจับจ่ายอาหารกระป๋องในช่วงเริ่มแรกของการแพร่ระบาด แต่ถ้าหากเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 จะเห็นได้ว่ายอดขายไตรมาสแรกของปีนี้ยังเพิ่มขึ้นถึง 0.9%

นายธีรพงศ์กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยนยังคงเดินหน้าธุรกิจด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายของบริษัทในการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้คนควบคู่ไปกับการดูแลความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ในไตรมาสแรกของปีบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกภายใต้แบรนด์ OMG Meat ในประเทศไทย รวมถึงผลิตภัณฑ์ส่วนประกอบอาหารภายใต้แบรนด์ ยูนีกโบน ผงแคลเซียมจากกระดูกปลาทูน่า

บริษัทฯ ยังจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนเป็นครั้งแรก ทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญสู่การเป็น Blue Finance หรือการบริหารการเงินที่เกี่ยวข้องกับโครงการอนุรักษ์มหาสมุทร

เมื่อต้นปี 2564 บริษัทฯ ยังได้ประกาศลงทุนในบริษัท บลูนาลู สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารจากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาโปรตีนอาหารทะเลจากเซลล์เพาะเลี้ยงที่ได้รสชาติ เนื้อสัมผัสและมีคุณค่าทางโภชนาการเทียบเท่าอาหารทะเล

“บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับผู้คนควบคู่ไปกับการดูแลความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล เราจึงให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ถูกต้องตามหลักโภชนาการ พร้อมดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อให้คนรุ่นต่อไปยังมีทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์  เชื่อว่านี่คือวิถีทางในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค คู่ค้าและทุกฝ่ายในห่วงโซ่อุปทาน และไทยยูเนี่ยนจะยังเดินหน้าธุรกิจต่อไปอย่างมั่นคง” นายธีรพงศ์กล่าวทิ้งท้าย

บล.ฟินันเซีย ไซรัสมองกำไรของ TU ออกมาดีกว่าตลาดคาด ยังคงแนะนำ”ซื้อ” โดยอยู่ระหว่างการปรับประมาณการ และราคาเป้าหมาย จากปัจจุบันให้ไว้ที่  20 บาท

ด้านนักวิเคราะห์ 10 ใน 13 ราย ยังคงแนะนำซื้อหุ้น TU ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 17.90 บาท สูงกว่าราคาหุ้นปิดที่ 15.60 บาทเพิ่มขึ้น 0.40 บาทหรือ 2.63% สำหรับการซื้อขายครึ่งวันที่ 10 พ.ค. 2564