TIDLOR ตั้งเป้าปี 64-66 รายได้โตปีละ 15-20% มีสาขาเกิน 1,500 สาขา

HoonSmart.com>> “เงินติดล้อ” ตั้งเงินลงทุน 470 ล้านบาท แบ่งลงทุนระบบเทคโนโลยี  และใช้ขยายสาขาปีนี้ 120-150 สาขา ตามเป้า 3 ปีเกิน 1.5 พันสาขา   ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัย คาดรายได้โตใกล้เคียงปีก่อนที่ 40% เล็ง M&A   ดันรายได้ปี 64-66 โตปีละ 15-20% 

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ (TIDLOR) เปิดเผยว่า เป้าหมายรายได้ในปี 2564-2566 จะเติบโตขึ้นปีละประมาณ 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 10,558.9 ล้านบาท มาจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ ตามการขยายสาขาและเพิ่มช่องทางที่หลากหลาย และเติบโตจากธุรกิจนายหน้าประกันภัย

ในปี 2564   บริษัทคาดว่าจะเปิดสาขาประมาณ 120-150 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1,100 สาขา วตั้งงบในปีนี้ 200 ล้านบาท หรือเฉลี่ยลงทุนสาขาละ 400,000-700,000 บาท โดย 3 ปีนี้ (2564-2566) บริษัทตั้งเป้าจะมีสาขาเกิน 1,500 สาขา หรือเฉลี่ยเปิดปีละ 120-150 สาขา และตั้งงบอีก 270 ล้านบาท เพื่อลงทุนระบบโครงสร้างเทคโนโลยีสารสนเทศ

นอกจากนี้บริษัทยังมองหาโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยศึกษาการขยายไปยังตลาดต่างประเทศ ส่วนในประเทศไม่มีแผนจะเข้าซื้อกิจการธุรกิจท้องถิ่น เนื่องจากปัจจุบันเรามีพันธมิตรที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้วประมาณ 5,000 ราย

ส่วนผลกระทบจากโควิด-19 ในรอบที่ 3 ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าลง และความต้องการใช้เงินทุนของกิจการต่างๆลดลง โดยกระทบต่อบริษัทฯไม่มาก คาดว่าหนี้สงสัยจะสูญ (NPLs) เพิ่มไม่เกิน 2% จากก่อนโควิด-19 ในปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 1%

สำหรับธุรกิจนายหน้าประกันภัยคาดว่ารายได้ในปีนี้เติบโตประมาณ  40% ใกล้เคียงกับปีก่อนจากมูลค่าตลาดวินาศภัยในประเทศประมาณ 200,000 กว่าล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันลูกค้ามีการรับรู้แบรนด์วินาศประกันภัยของบริษัทฯเพียง 70% ซึ่งถ้ารับรู้มากกว่านี้จะส่งผลดีต่อบริษัท นอกจากนี้ยังมองหาการซื้อกิจการนายหน้าประกันภัย โดยพิจารณาอัตราการต่ออายุของลูกค้า

“ราคาหุ้นในวันแรก สูงกว่าราคา IPO ที่ 36.50 บาท เรารู้สึกดีใจมาก ที่นักลงทุนให้ความสนใจกับเงินติดล้อ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นทั้งด้านโครงการเงินทุนหลัง IPO ที่แข็งแรงขึ้น โดย D/E คาดว่าจะต่ำกว่า 2.5 เท่า และกลยุทธ์ที่จะขยายธุรกิจ สร้างการเติบโตในอนาคต เพื่อตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น” นายปิยะศักดิ์ กล่าว

ด้านนายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผุู้จัดการ ประธานสายตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและตัวแทนผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า TIDLOR คาดว่าจะถูกเข้าคำณวนในดัชนี SET50 ได้ช่วงต้นปี 2565 ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แหง่ประเทศไทย (SET) ที่ต้องเข้าซื้อขายอย่างน้อย 6 เดือน

บล.ทิสโก้ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2565 อยู่ที่ 42 บาท (หรือ 49 บาท ในกรณีดีมาก) มีความเป็นไปได้ที่พอร์ตสินเชื่อเติบโต 15-20% ต่อปีจากปี 2563มูลค่าสินเชื่อ อยู่ที่ 5.13 หมื่นล้านบาท มาจากสินเชื่อจำนำทะเบียนรถราว 75.6% ของสินเชื่อทั้งหมด หรือส่วนแบ่งในตลาดที่ค่อนข้างใหญ่กว่า 25.6% โดยอยู่กึ่งกลางระหว่างบริษัทเมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ที่ 33.7% และบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) ที่ 15.1% คาดกำไรต่อหุ้นเติบโต 20.7% และ 25.9% สู่ 1.38 บาท และ 1.74 บาท ในช่วงปี 2564-2565