GBS จับตา Sell in May คัด 8 หุ้นเด่นได้อานิสงส์ราคาน้ำมันขึ้น-ส่งออกฟื้น

HoonSmart.com>> บล.โกลเบล็ก ประเมินหุ้นไทยเดือนพ.ค. ผันผวนต่อ วางกรอบดัชนี 1,550-1,630 จุด หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ขยายวงกว้างมากขึ้น หนุนเกิด Sell in May ด้านนักวิเคราะห์จ่อทบทวนผลรดำเนินงานทั้งปีหลังงบไตรมาส 1/64 จบ สะท้อนผลกระทบโควิดรอบ 3 พร้อมแนะจับตาตัวเลข GDP ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ส่วนกลยุทธ์แนะลงทุน 8 หุ้นเด่น “PTTEP-PTTGC-IVL-IRPC-STA-NER-TWPC-ASIAN” ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันขึ้น ส่งออกไตรมาสแรกโต

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนพ.ค.ว่า มีแนวโน้มปรับตัวลง จากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ซึ่งยังมีคลัสเตอร์ใหม่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในกทม.และต่างจังหวัด ทำให้คาดว่าจะเกิด Sell in May หรือการเทขายหุ้นในเดือนพ.ค.

อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนได้ทยอยประกาศผลการดำเนินงานออกมาซึ่งวันที่ 17 พ.ค. 64 จะเป็นวันสุดท้ายในการแจ้งผลประกอบการ คาดว่าจะมีการประเมินตัวเลขผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนใหม่ เพื่อสะท้อนผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด – 19 รอบที่3 ในขณะนี้ รวมทั้งการจ่ายปันผลงวดปี 2563 ที่ขึ้น XD ในช่วงที่ผ่านมาก็ได้เริ่มทยอยจ่ายปันผลออกมาทำให้มีการขายทำกำไรออกมา จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีในเดือนนี้จะอยู่ในกรอบ 1,550-1,630 จุด

ส่วนปัจจัยที่ยังคงต้องจับตานั้น ยังคงเป็นการติดตามสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด- 19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปีนี้อย่างไร รวมทั้งตัวเลข GDP ว่าจะสามารถเติบโตในระดับใด ซึ่งในเดือนนี้ทาง ส.อ.ท. จะมีการแถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ทั้งยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ส่วนกระทรวงพาณิชย์ก็จะมีการแถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า รวมทั้งทางสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)แถลงดัชนีอุตสาหกรรม และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค รวมถึง ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค และการประชุมสภาสมัยสามัญ

ขณะที่ปัจจัยตัวเลขเศรษฐกิจของต่างประเทศ อาทิ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม การประชุมของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อียูเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และจีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการดุลการค้าเดือนเม.ย. รวมทั้งทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเดือนเม.ย. สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ เช่น PTTEP, PTTGC, IVL และ IRPC รวมทั้งหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการส่งออกไตรมาสแรกขยายตัว ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอาหารสัตว์ เช่น STA, NER, TWPC และ ASIAN

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าทิศทางราคาทองคำในเดือนพฤษภาคม ว่า ราคาทองคำยังมีความผันผวน โดยให้กรอบทองคำในเดือนนี้ที่ 1,750-1,840 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ และแนะนำให้กลับมาเล่นฝั่ง Long เนื่องจากในทางเทคนิคราคาทองคำสามารถผ่านแนวต้านที่ 1,750 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ ขึ้นมาได้ อีกทั้งทองคำตอบสนองต่อข่าวร้ายลดลง แต่ตอบสนองต่อข่าวดีเพิ่มขึ้นเป็นสัญญาณของการกลับตัวเพิ่มเติม