IVL ไตรมาส 2 กำไรสุทธิทะยาน 180% จากงวดปีก่อน เหตุปริมาณการผลิตพุ่ง 15% ผลดีควบรวมห่วงโซ่มูลค่าโพลีเอสเตอร์ในระดับโลกและผลิตภัณฑ์ HVA ด้านกลุ่มธุรกิจ Necessities ที่มีปริมาณการผลิตสูง กำไรเริ่มฟื้นตัว ลั่นปรับเป้า core EBITDA ปี 62 เพิ่มจาก 45% เป็น 74%
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2561 กำไรสุทธิ 8,242.69 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.45 บาท เพิ่มขึ้น 180.64% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 2,937.08 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.56 บาท
ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 14,056.71 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.50 บาท เพิ่มขึ้น 90.89% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 7,363.54 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.42 บาท
ในไตรมาส 2 ปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) เพิ่มขึ้น 63% เมื่อเทียบปีต่อปีเป็น 388 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกิดจากการเติบโตของอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในทวปีเอเชีย ซึ่งช่วยยกระดับอัตรากำไรในห่วงโซ่มูลค่าโพลีเอสเตอร์เกิดจากการเติบโตของอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในทวปีเอเชีย
ทั้งนี้ Core EBITDA ต่อตันเพิ่มขึ้นเป็น 153 เหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยเกิดจากเพิ่มขึ้นของทิศทางการควบรวม PET ในระดับสากลในขณะที่ผลการดำเนินงานของผลิตภัณฑ์ HVA มีความหลากหลาย โดยผลกำไรในผลิตภัณฑ์ PEO และPackaging ถูกหักกลบกับผลกระทบเชิงลบจากความล่าช้าในการส่งผ่านราคาในผลิตภัณฑ์ HVA fibers และอตัรากำไรของ IPA ที่ปรับตัวสู่ระดับปกติ
ด้านปริมาณการผลิต 2.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบปีต่อปีซึ่งเกิดจากอัตรากำลังการผลิตที่สูงขึ้นโดยส่วนหนึ่งถูกหักลบจากเหตุสุดวิสัยที่เกิดจากการจดัหาวตัถุดิบบางส่วน
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ปรับเพิ่มประมาณการสำหรับปี 2562 โดย core EBITDA คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 74% จากปี 2560 เป็น 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้จากช่วงต้นปี 2561 บริษัทได้ประกาศกลยุทธ์ของกิจการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2560 และประจำปี 2560 โดยบริษัทได้ประมาณการว่า core EBITDA ในปี 2562 จะเพิ่มขึ้น 45% จากปี2560