SMD คาดเข้าเทรด mai ช่วงกลางปี 64 วางเป้ารายได้โต 15-20%

HoonSmart.com>> “เซนต์เมด” หุ้นอุปกรณ์การแพทย์น้องใหม่ เตรียมขายไอพีโอ 54 ล้านหุ้น คาดเข้าเทรดตลาด mai กลางปี 2564  ระดมทุนใช้ขยายศูนย์ตรวจการนอนหลับ-ลงทุนในเครื่องมือแพทย์ให้เช่า-เงินทุนหมุนเวียน-ชำระคืนเงินกู้ หวังสร้างการเติบโตที่ดีขึ้นในอนาคต วางเป้ารายได้ปี 2564 โต 15-20% หนุนภาพรวมอุตสาหกรรมแพทย์เติบโต

เอกจักร บัวหภักดี

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท เซนต์เมด (SMD) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ SMD จำนวน 54 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ในช่วงกลางปี 2564

“SMD ยังมีโอกาสการเติบโตสูง จากการขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เติบโตตามภาพอุตสาหกรรมโรงพยาบาล และอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ ในช่วงปี 2564-2565 ที่คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 6.5% ต่อปี รวมถึงภาครัฐมีเป้าหมายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการทางการแพทย์ รองรับนโยบายผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์หรือเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) อีกด้วย” นาย เอกจักร กล่าว

ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์

ด้านดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซนต์เมด (SMD) ผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นนำระดับโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้น เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ จะนำเงินไปดำเนินโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับและลงทุนในเครื่องมือแพทย์ให้เช่า ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน

ปัจจุบันบริษัทฯ ได้มีความร่วมมือในสัญญาร่วมลงทุนกับทางศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ของโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับ (Sleep Lab) ระยะเวลาสัญญา 8 ปี ซึ่งมีอยู่ 4 เตียง รองรับ 4 ผู้ป่วยต่อคืน โดยบริษัทเปิดรับพันธมิตรใหม่ๆในการร่วมจัดตั้งศูนย์ตรวจการนอนหลับ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงตามหัวเมืองขนาดใหญ่ ตั้งเป้าหมายที่จะสามารถเพิ่มเตียงของโครงการดังกล่าวได้ 8 เตียงต่อปี

ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทมาจากกลุ่มสินค้าด้านเวชบำบัดวิกฤต หรือสินค้าที่ใช้ห้องฉุกเฉิน คิดเป็นสัดส่วน 40.20% รองลงมาคือกลุ่มการช่วยหายใจและเวชศาสตร์  35.22% ซึ่งมีฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มโรงพยาบาลรัฐคิดเป็น 71.07% และสัดส่วนรายได้กว่า 97% มาจากการขายสินค้า ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำเข้าเป็นหลัก ซึ่งมีความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทฯได้ดำเนินการติดตามทิศทางค่าเงิน และควบคุมการซื้อต่างๆ เพื่อให้ได้กำไรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

“เรายังมีโอกาสเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคต จากการที่อยู่ในองค์กรเครื่องมือทางการแพทย์เฉพาะทาง ที่ทางโรงพยาบาลทุกระดับ ต้องใช้เครื่องเหล่านี้อยู่ ทำให้เราเติบโตตามทิศทางของกลุ่มโรงพยาบาล หรือมหาวิทยาลัยแพทย์ และศูนย์เฉพาะทาต่างๆ อีกทั้งกระแสการที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์ทางการแพทย์ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนุน” ดร.วิโรจน์ กล่าว

ด้านนายกำพล ชัยสุภัคสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าฝ่ายบัญชีและการเงิน SMD เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 2564 จะมีรายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้อยู่ที่ 660.94 ล้านบาท การเติบโตหลักยังมาจากธุรกิจนำเข้าเครื่องมือทางการแพทย์ และจำหน่ายให้กับหน่วยงานต่างๆ สำหรับเงินลงทุนในปี 2564 ตั้งไว้ที่ประมาณ 100-150 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการศูนย์ตรวจการนอนหลับและลงทุนในเครื่องมือแพทย์ให้เช่า ซึ่งจะเป็นอีกธุรกิจที่หนุนให้มีการเติบโตที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561 – 2563) บริษัทฯ มีรายได้มีจากการขายและบริการรวม 506.03 ล้านบาท 618.63 ล้านบาท และ 660.94 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 14.29% ขณะที่กำไรสุทธิปี 2561-2563 อยู่ที่30.52 ล้านบาท 60.44 ล้านบาท และ 77.75 ล้านบาท ตามลำดับ หลังประสบความสำเร็จในการขายสินค้ากลุ่มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงได้มากขึ้น ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่น