ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ปรับประมาณการส่งออกปีนี้โต 7% จาก 4.5% แรงหนุนศก.โลกฟื้น

HoonSmart.com>> ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองเชิงบวกส่งออกปี 64 หลังไตรมาสแรกพลิกเติบโต 2.27% แรงหนุนจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ปรับประมาณการทั้งปีเติบโต 7% จากเดิม 4.5%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อการส่งออกในปี 2564 โดยปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7.0% จาก 4.5% จากปัจจัยหนุนหลักยังคงเป็นเรื่องของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่างประเทศโดยเฉพาะในประเทศคู่ค้าสำคัญที่เร็วกว่าคาดการณ์ ประกอบกับมีการชดเชยอุปสงค์ที่ค้างจากช่วงก่อนหน้า (pent-up demand)

ทั้งนี้ เมื่อมองไปในระยะข้างหน้าอัตราการฉีดวัคซีนที่เร็วกว่าคาดในประเทศพัฒนาแล้ว นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีออกมาต่อเนื่องรวมถึงนโยบายการเงินยังมีแนวโน้มผ่อนคลายจะยังคงส่งผลบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การส่งออกไทยจะยังมีทิศทางเติบโตได้ดีต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังคงเผชิญความเสี่ยงอีกหลายปัจจัย เช่น การระบาดของโควิด-19 ในบางประเทศที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังเพิ่มขึ้น ประสิทธิผลและความเชื่อมั่นของวัคซีน รวมถึงความเสี่ยงในเรื่องของการขาดแคลนตู้สินค้า และค่าระวางเรือที่มีแนวโน้มที่สูงขึ้นยังคงมีอยู่

ด้านตัวเลขการส่งออกในเดือนมี.ค.64 เมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และอาวุธ ยุทธปัจจัย ขยายตัวได้ถึง 8.47% YoY สอดคล้องกับตัวเลขการส่งออกในภูมิภาคที่เติบโตดี ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีกว่าคาดการณ์ การเติบโตที่แข็งแกร่งของตัวเลขส่งออกในเดือนมี.ค.ช่วยหนุนให้ในไตรมาสแรกของปีการส่งออกของไทยพลิกกลับมาเติบโตได้ที่ 2.27% YoY

อย่างไรก็ตามการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด รวมถึงอัตราการฉีดวัคซีนในบางประเทศที่มีความคืบหน้ามาก ส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจบางประเทศมีแนวโน้มดีกว่าคาดซึ่งเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อตัวเลขส่งออกของไทย โดยในเดือนมี.ค. การส่งออกไปสหภาพยุโรป (15) ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากอยู่ที่ 32% จากที่ขยายตัว 0.2% ในเดือนก.พ. ซึ่งสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าประเภทคอมพิวเตอร์ฯ รถยนต์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เป็นต้น

ด้านตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวได้ต่อเนื่อง 10 เดือนติดต่อกัน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น ส่วนญี่ปุ่นยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ได้รับปัจจัยหนุนจากสินค้าประเภทรถยนต์ส่วนประกอบและผลิตภัณฑ์ยาง

ขณะที่การส่งออกไปในตลาดโซนเอเชียฟื้นตัวได้ดี นำโดยการส่งออกไปมาเลเซียที่ขยายตัวได้ถึง 70.6% และจีนที่ขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 35.4% รวมถึงการส่งออกไปประเทศใน CLMV สามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ 2.0%