HoonSmart.com>> “ทาทา สตีล” โชว์กำไรงวดปี 630 ล้านบาท โตแรง 1,217% ยอดขายเหล็กในประเทศพุ่ง ปริมาณขายสินค้า 1.30 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 9% ด้านราคาเหล็กเพิ่มขึ้นหนุน กวาดรายได้จากการขายและบริการ 2.2 หมื่นล้านบาท ด้านบล.เอเซีย พลัส คาดจุดพลุหุ้นกลุ่มเหล็ก
บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) หรือ TSTH เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี (1 เม.ย.2563-31 มี.ค.2564) สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2564 กำไรสุทธิ 630.55 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.07 บาท เติบโต 1,217% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 47.88 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.01 บาท
บริษัทชี้แจงว่า งวดไตรมาส 4 ปี 2563/2564 (ม.ค-มี.ค.2564) บริษัทฯ มีปริมาณขายสินค้าของบริษัทในไตรมาสนี้อยู่ที่ 366,000 ตัน สูงกว่าไตรมาสก่อน 12% โดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณการขายเหล็กเส้นในประเทศ รายได้จากการขายสูงกว่าไตรมาสก่อนโดยได้รับแรงหนุนจากราคาขายที่สูงขึ้น สอดคล้องกับราคาเศษเหล็กที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งปริมาณการขายที่ดีขึ้น
สินค้าคงเหลือรวม ณ สิ้นเดือนมี.ค.2564 เพิ่มขึ้น 944 ล้านบาทเมื่อเทียบกับสิ้นเดือนมี.ค.2563 จากปริมาณสินค้าสำเร็จรูปเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในช่วงที่โรงงานจะหยุดซ่อมแซมตามแผนในเดือนเม.ย.2564 ในขณะที่ด้านระยะเวลาอยู่ที่ 43 วันเท่ากับปีที่แล้ว
ในงวดไตรมาส 4 ปี 2563/2564 ปริมาณการขายสินค้าเติบโต 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการสินค้าในประเทศที่ดีขึ้นทั้งเหล็กเส้น เหล็กลวดคาร์บอนกลางและเหล็กลวดคาร์บอนสูง สำหรับงวด 12 เดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2564 ปริมาณการขายสินค้าของบริษัทอยู่ที่ 1,303,000 ตัน เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากอุปสงค์ในประเทศที่ดีขึ้น แต่ส่วนหนึ่งก็ได้รับผลกระทบจากปริมาณส่งออกที่ลดลง
รายได้จากการขายและบริการที่เกี่ยวข้องไตรมาสนี้มีจำนวน 7,126 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% และ 39% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายสินค้าดีขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกตามการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบ รายได้จากการขายและบริการที่เกี่ยวข้องอยู่ที่ 22,017 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9% จากปีก่อน ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในงวดไตรมาส 4 ปี 2563/2564 เป็นผลมาจากราคาขายสินค้าที่สูงขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของราคาวัตถุดิบ และปริมาณการขายสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ราคาแท่งถ่านอิเล็กโทรดและราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ผลการดำเนินงานในงวดนี้ยังรวมผลขาดทุนจากค่าเผื่อการลดลงของมูลค่าทรัพย์สินไม่ใช้งานที่ถือไว้เพื่อรอการขายจำนวน 117 ล้านบาทด้วย
บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ระบุว่า TSTH ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 4 ปี 2563/2564 (ม.ค-มี.ค.2564) มีกำไรสุทธิ 405.86 ล้านบาท (+992% QoQ,+307% YoY) หนุนด้วยปริมาณการขายและราคาขายที่สูงขึ้น โดยราคาเหล็กเส้นในประเทศปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงจากระดับราคา 16 บาท/กก. ในช่วงเดือน เม.ย 63 มาอยู่ที่ 22 บาท/กก. ในปัจจุบัน สะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกทั้งในฝั่งของประเทศจีนที่เป็นผู้ผลิตและบริโภคเหล็กมากที่สุดในโลก รวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่กลับมาเติบโตแข็งแกร่งและกำลังจะมีโครงการลงทุนด้านสาธารณูปโภคจำนวนมาก
นอกจากนี้เชื่อว่า บริษัทเหล็กอื่นๆ ใน SET ที่กำลังจะทยอยประกาศผลประกอบการออกมา น่าจะทำกำไรโดดเด่นอย่างมากในงวดไตรมาส 1/2564 แม้ว่าราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กหลายบริษัทจะปรับตัวขึ้นแรงตั้งแต่ต้นปี 2563 โดยดัชนีหุ้นกลุ่มเหล็กปรับตัวขึ้น 52% ตั้งแต่ต้นปี แต่ทิศทางราคาเหล็กที่ยังเป็นช่วงขาขึ้นน่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทเหล็กยังดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/2564 เพราะล่าสุดเดือน เม.ย. 2564 ราคาเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) ในจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีการบริโภคเหล็กครึ่งหนึ่งของโลกยังมีทิศทางอันร้อนแรงต่อเนื่อง ราคาขายเพิ่มขึ้น 17% MoM มาที่ 865 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากเดือนก่อนหน้า 740 เหรียญสหรัฐ/ตัน จึงมีโอกาสที่จะเห็นแรงเก็งกำไรได้อีก
สำหรับหุ้นกลุ่มเหล็กที่ฝ่ายวิจัย Cover อยู่คือ MCS ราคาเหมาะสม 21.9 บาท และ TMT ราคาเหมาะสม 11 บาท ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ส่วนบริษัทเหล็กอื่นๆที่ฝ่ายวิจัยไม่ได้ Cover แนะนำเก็งกำไรตามราคาเหล็ก