HoonSmart.com>>“กรุงไทย” โชว์กำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้ 5,578 ล้านบาท หลังตั้งสำรอง 8,058 ล้านบาท รายจ่ายลดลงกว่าที่ผ่านมา เพราะสำรองไว้มากตั้งแต่ปลายปีก่อน รับมือเศรษฐกิจไม่แน่นอน ส่วนสินเชื่อโต 1.1% แต่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิกลับลดลง 1.7% จาก NIM ส่วนค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น
ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดผลงานไตรมาส 1/2564 กำไรสุทธิ 5,578 ล้านบาทลดลงจำนวน 889 ล้านบาท คิดเป็น 13.75% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,467 ล้านบาท แต่ขยายตัวมากถึง 61.6% จากไตรมาสที่ผ่านมา โดยธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 8,058 ล้านบาท ลดลง 12.9% จากไตรมาส 4 ที่ผ่านมา และลดลง 5.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้ตั้งสำรองในระดับที่สูงในไตรมาส 4/2563
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ธนาคารใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น หลังจากในปี 2563 ตั้งสำรองในระดับที่สูงกว่าที่ประเมิน เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจที่สะดุดลงและไตรมาส 1 ปีนี้ยังคงรักษาการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ในระดับที่สูง 153.9% เทียบกับ 147.3% เมื่อสิ้นปี 2563 โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพก่อนหักค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio-Gross) อยู่ที่ 3.66% ลดลงเทียบกับ 3.81% เมื่อสิ้นปี 2563ที่ผ่านมา
ส่วนผลงานไตรมาส 1/2564 ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงาน 15,984 ล้านบาท ขยายตัว 9.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563 จากรายได้รวมจากการดำเนินงานที่ขยายตัว 0.4%โดยมีสาเหตุหลักจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ทั้งค่าธรรมเนียมและรายได้จากการดำเนินงานอื่น ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 1.7% แม้ว่าสินเชื่อยังคงเติบโต 1.1% เนื่องจากอัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ลดลงเหลือ 2.50% จาก 2.59% ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆลดลง 9.0% จากค่าใช้จ่ายทางการตลาด ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับ 44.25 % ลดลงจากไตรมาส 4/2563 ที่ 48.78%
ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 เท่ากับ 312,059 ล้านบาท (15.88% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง) โดยมีเงินกองทุนทั้งสิ้นเท่ากับ 377,966 ล้านบาท เท่ากับ 19.23% โดยธนาคารได้ออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิ ที่สามารถนับเป็น เงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อผู้ลงทุนในต่างประเทศ จำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการลงทุนและรองรับการเติบโตในอนาคต
นอกจากนี้ ธนาคารได้เข้าทำสัญญากับบริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) โดยธนาคารตกลงที่จะขายหุ้นของบริษัท กรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง สัดส่วน 75.05% เพื่อจะช่วยเพิ่มศักยภาพของธนาคารและบริษัทย่อย ในการให้บริการผลิตภัณฑ์เช่าซื้อสำหรับลูกค้ารายย่อยอย่างครบวงจร
อ่านข่าว
6 แบงก์โกยกำไร 2.37 หมื่นลบ. KBANK สูงเกินคาด จุดพลุหุ้นแบงก์