FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนหน้ายัง Bullish ต่างชาติชอบหุ้นปิโตรฯ

HoonSmart.com>> “สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” เปิดผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน” 3 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” Bullish คาดหวังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายจากการกระจายวัคซีนและการไหลเข้าของเงินทุนหนุน ยังคงกังวลโควิด-19 ระบาดในหลายประเทศและการท่องเที่ยวในประเทศ ชูหุ้นหมวดอาหารและเครื่องดื่ม น่าสนใจมากสุด ส่วนหมวดเทคโนโลยีไม่น่าสนใจ ด้านมุมมองนักลงทุนต่างชาติชอบหุ้น “ปิโตรเคมี-แบงก์ ท่องเที่ยว เครื่องดื่ม-อาหาร”

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนมี.ค.2564 พบว่า “ดัชนีฯ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 145.55 ปรับตัวลดลง 4.4% จากเดือนก่อน ยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” หรือ Bullish ต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ นักลงทุนคาดหวังการคลี่คลายสถานการณ์ Covid-19 จากการกระจายวัคซีนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ที่ยังระบาดในหลายประเทศ รองลงมาคือการท่องเที่ยว และสถานการณ์การเมืองในประเทศ

“ผลสำรวจ ณ เดือนมี.ค.2564 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลดลง 1% อยู่ที่ระดับ 139.47 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 35% อยู่ที่ระดับ 154.55 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% อยู่ที่ระดับ 150.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลง 18% อยู่ที่ระดับ 150.00″

สำหรับหมวดธุรกิจนักลงทุนสนใจลงทุนมากที่สุด คือ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) รองลงมาคือหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) และหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO) ขณะที่นักลงทุนเห็นว่าหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด รองลงมาคือหมวดแฟชั่น (FASHION) และหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)

ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2564 SET index ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกด้านความคืบหน้าของการทยอยฉีดวัคซีนในประเทศ โดยในช่วงกลางเดือนมีปรับตัวลงบ้างเล็กน้อย จากอัตราราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ช่วงครึ่งเดือนหลังดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากข่าวดีในประเทศ อาทิ การออกมาตรการทางการเงินเพิ่มเติมเพิ่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (มาตรการฟื้นฟูฯ) ของธนาคารแห่งประเทศไทยและกระทรวงการคลังวงเงินรวม 350,000 ล้านบาท และการออกแนวทางการผ่อนปรนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม SET Index ปิดที่ 1,587.21 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.04% จากเดือนก่อนหน้า

สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ผลการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ขนาด 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สรอ. ซึ่่งจะเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก แต่อาจส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนจากการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนผ่านอัตรา Bond Yield ที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งในสหรัฐฯ และในหลายประเทศทั่วโลก

นอกจากนี้ การแข่งขันทางการค้าและเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบจากปัญหาการเมืองในเมียนมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ในส่วนของปัจจัยในประเทศ ได้แก่ อัตราเร่งในการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ซึ่งหากล่าช้าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย การบริหารจัดการของภาครัฐในการควบคุมพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อ Covid-19 จากการตรวจค้นหาเชิงรุก ผลของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มจังหวัดนำร่อง และสถานการณ์การเมืองในประเทศ