HoonSmart.com>>ในไตรมาสแรกของปี 2564 หุ้นยังเป็นทางเลือกลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ และเศรษฐกิจตกต่ำ โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET) แจกกำไรสูงถึง 9.51% และดัชนีตลาดหุ้นเอ็มเอไอ (mai) ให้ผลตอบแทนมหาศาล 37.34% แม้ว่านักลงทุนต่างชาติและสถาบันไทยจะทิ้งออกมาอย่างหนักถึง 5.2 หมื่นล้านบาทก็ตาม นักลงทุนไทยรับซื้อหมด 48,560.19 ล้านบาท และเงินบาทอ่อนค่า ปิดที่ระดับ 31.31 บาทต่อดอลลาร์ เงินนอกจะยังไม่ไหลเข้ามา
หุ้นไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ตั้งแต่ปลายปี 2563 และต่อเนื่องถึงปีนี้ แต่ในไตรมาสแรก ดัชนีตลาดหลักทรัพย์สามารถดีดกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ปิดที่ระดับ 1,587.21 จุด เพิ่มขึ้น 137.86 จุด คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 9.51% จากสิ้นปีที่ผ่านมาปิดที่ 1,449.35 จุด และนักลงทุนยังได้รับเงินปันผลที่ดีด้วย บริษัทบางแห่งให้ผลตอบแทนปันผลสูงกว่า 5% ต่อปี ขณะที่บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ให้อัตราเฉลี่ย 3.32% ต่อปี
ส่วนดัชนี mai ปิดที่ 461.89 จุด ดีดขึ้นถึง 125.60 จุด คิดเป็น 37.34% จากสิ้นปีก่อนปิดที่ระดับ 336.29 จุด
สะท้อนว่ารอบนี้ หุ้นขนาดเล็ก และขนาดกลาง สุดยอด วิ่งได้เร็วกว่า เห็นได้จากราคาพุ่งขึ้นแรงมาก บริษัทหลายแห่งให้ผลตอบแทนมากกว่า 100%
ตลาดหุ้นไทยขึ้นสวนทางกลับนักลงทุนต่างชาติขายออกมาหนักๆถึง 29,669.39 ล้านบาท สถาบันทิ้งด้วย 22,765.95 ล้านบาท แรงซื้อมาจากนักลงทุนไทย 48,560.19 ล้านบาท และพอร์ตบริษัทหลักทรัพย์ 3,875.15 ล้านบาท
ตลาดหุ้นที่ปรับตัวขึ้น สะท้อนถึงคุณภาพของบริษัทจดดทะเบียน(บจ.)ที่สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์เศรษฐกิจและโควิดมาได้อย่างสวยงาม แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องบ้าง แต่ก็แก้ไขมาได้
นอกจากนี้สภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่สูงมาก ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เงินจึงไหลเข้าตลาดหุ้นเพื่อหาผลตอบแทนที่ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยที่ถีบตัวขึ้นมาใกล้ถึงจุดระดับสูงสุดของปี 2563 บริเวณ 1,600 จุด คิดเป็นอัตราราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) มากกว่า 20 % ปลายๆ และมากกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี (P/BV) มากกว่า 1 เท่า เริ่มมีเสียงเตือนให้นักลงทุนระวังความเสี่ยงตลาดปรับฐานไว้บ้าง
แนวโน้มเงินบาทอ่อนตัวรวดเร็วอย่างนี้ เงินทุนต่างประเทศจะยังไม่ไหลบ่าเข้ามา และพร้อมขายทำกำไรทุกเมื่อ เพื่อรับก้อนโตสองเด้ง ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยปีนี้ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด ต้องรอความหวังเรื่องนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะทะลักเข้ามา เมื่อเปิดประเทศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง จะพยายามผลักดันให้ขยายตัวได้ถึง 4% ถือเป็นโจทย์ที่หินมาก เพราะห่างจากเป้าหมายที่คาดไว้ว่าจะโตเพียง 2.5-3.5%
งานนี้ต้องอาศัยเม็ดเงินอัดฉีดของหลายประเทศ ตลาดจับตาการแถลงของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถึงแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 3 ล้านล้านดอลลาร์ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หากมาตามนัด จะช่วยให้ดัชนีดาวโจนส์ไปต่อ และผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยไปด้วย…